ระดับสิงคโปร์และมาเลเซีย ต้องคิดใหม่ ทำใหม่อยู่แล้ว! ล่าสุด ทั้งสองประเทศจับมือกันสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ สานประโยชน์ให้ทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แถมตั้งเป้าด้วยว่า จะดึงดูดเงินลงทุน 50 โครงการ ภายใน 5 ปี 100 โครงการ ภายใน 10 ปีแรกที่เริ่มทำด้วย
ประเด็นการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่นี้ พูดกันมาเป็นปีแล้ว ตั้งใจว่าจะลงนามทำความตกลงกันตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่นายกรัฐมนตรี Lawrence Wong แห่งสิงคโปร์ ติดโควิดเสียก่อน จึงเลื่อนมาทำความตกลงร่วมกันในเดือนมกราคม ปี 2025
ผลจากการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ดังกล่าว คาดว่าน่าจะสร้างงานสร้างอาชีพได้นับแสนราย และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มหาศาลถึง 2.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 9 แสนล้านบาทต่อปี ภายในปี 2030 หรืออีกประมาณ 5 ปีข้างหน้า
สำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่นี้ คาดว่าจะกินพื้นที่ 3,500 ตารางกิโลเมตร และน่าจะมีขนาดใหญ่กว่าสิงคโปร์ถึง 4 เท่า แถมใหญ่กว่าเซินเจิ้นเกือบ 2 เท่า สำหรับพิกัดทำเลในการสร้างน่าจะอยู่บริเวณพรมแดนยะโฮร์ เชื่อมกับสิงคโปร์ ที่มีคนเดินทางสัญจรไปมาทุกวันกว่า 3 แสนราย
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่โปรเจกต์แรกที่สองประเทศนี้พยายามจะเชื่อมโยง ร่วมมือกัน ก่อนหน้านี้ได้มีความพยามทำโครงการรถไฟความเร็วสูงมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 7 แสนล้านบาทมาแล้ว แต่ความร่วมมือดักล่าวต้องชะงักไปเนื่องจากมีอุปสรรคกีดกันหลายด้าน รวมถึงเรื่องเงินทุนด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลหลายด้านที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศักยภาพของระบบราชการและการจัดการความคาดหวังของธุรกิจข้ามพรมแดน ก่อนหน้านี้ก็มีประเด็นเรื่องการลงทุนดาต้า เซ็นเตอร์ที่กำลังบูมมากยิ่งขึ้น ก็ปรากฎว่าที่มาเลเซียมีการขยายศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์เพิ่ม ฝั่งสิงคโปร์เองก็ระงับการสร้างศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ใหม่ในช่วงปี 2019-2022 เพราะกังวลเรื่องพลังงาน
สำหรับประเด็นเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่นี้ ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ลงลึกรายละเอียดด้านนี้มากนัก และยังมีปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เรื่องอื่นให้จัดการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางข้ามพรมแดนแบบฟรีพาสปอร์ต หรือไม่ต้องใช้พาสปอร์ต แต่ให้ใช้ระบบอนุมัติผ่าน QR-code แทน มาเลเซียก็ยังมีปัญาเรื่องระบบอนุญาตนำยานยนต์ข้ามประเทศอยู่ และยังเพิ่งเริ่มทดลองใช้ระบบ QR-code ขณะที่สิงคโปร์นั้นก้าวหน้าไปมากกว่านั้นแล้ว
แน่นอนว่ายังต้องมีเรื่องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอีกมากในการจะร่วมมือกับประเทศอื่นเพิ่มขึ้น เช่น ระดับอัตราภาษีของสิงคโปร์กับมาเลเซียก็ต่างกัน สิงคโปร์มีภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ที่ 17% ต่ำที่สุดในภูมิภาค แต่มาเลเซียยังอยู่ที่ 24% แต่ก็คาดว่า อย่างน้อยเขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้น่าจะมีแรงจูงใจเบื้องต้นในประเด็นเรื่องภาษีก่อนเป็นอันดับแรกๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา