บมจ. สยามแม็คโคร หรือ Makro เพิ่มทุน 50,000 ล้านบาท สำเร็จ เตรียมผสานความยิ่งใหญ่กับ Lotus’s ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ค้าส่ง-ค้าปลีก-ออนไลน์ ระดับเอเชีย พา SME และเกษตรกรไทยลุยต่างประเทศ
Makro-Lotus’s ยิ่งใหญ่ในทุกตลาด
สุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) เปิดเผยว่า แม้ระยะเวลาของการเสนอขายจะเป็นช่วงที่เศรษฐกิจ และตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด เศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวดี แต่หุ้นแม็คโครก็ยังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของบริษัทฯ และพร้อมที่จะเติบโตไปด้วยกัน สู่เป้าหมายการเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทยระดับภูมิภาค โดยหลังจากนี้ไปบริษัทฯ จะดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ นอกจากนี้ทีมงานทั้งแม็คโครและโลตัสส์จะร่วมมือกันเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานในส่วนต่าง ๆ ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
การระดมทุนครั้งนี้ มีมูลค่าสูงเฉียด 50,000 ล้านบาท โดยเป้าหมายแรกจะใช้เป็นเงินทุนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใหม่ของการปรับโครงสร้างธุรกิจค้าส่งค้าปลีก เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจแม็คโคร และโลตัสส์ และส่งเสริมกลยุทธ์ระยะยาวเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาค
เติบโตจนสร้างความแข็งแกร่งในตลาดโลก
ถัดมาคือการบูรณาการทั้งธุรกิจ B2B (MAKRO) และ B2C (Lotus’s) ทำให้มีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย สู่การขยายธุรกิจไปในอาเซียนและภูมิภาคเอเชียใต้ โดยจุดเด่นของรูปแบบธุรกิจ จะมีจุดแข็งจากแพลตฟอร์มค้าส่งค้าปลีก ที่เมื่อต่อยอดกับธุรกิจออนไลน์ เป็น O2O (Offline to Online) แบบ Omni-Channel
ขณะที่การเติบโตของตลาดค้าส่งค้าปลีกในระดับภูมิภาคอาเซียนยังเป็นทิศทางขาขึ้น โดยเมื่อเทียบรายได้จีดีพีต่อจำนวนประชากรในหลายประเทศในอาเซียน พบว่ายังมี “โอกาสในการเติบโต” และขยายฐานธุรกิจนี้ไปได้ทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา เมียนมา เวียดนาม และ สปป. ลาว
หากพิจารณาถึงภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่แม็คโครได้รุกขยายธุรกิจในเมืองใหญ่ของประเทศเหล่านี้ และสร้างการเติบโตในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า ก็มีโอกาสสูงมากที่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และอีคอมเมิร์ซของไทยจะเป็นผู้นำเบอร์หนึ่งในประเทศต่าง ๆ เมื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศจีน และอินเดีย ซึ่งมีประชากรรวมกันถึง 3,300 ล้านคน
โอกาสเปิดกว้างหากมีความแข็งแกร่ง
ดังนั้นทิศทางที่ชัดเจนว่าวันนี้ตลาดในอาเซียนและเอเชียยังมีพื้นที่ให้เติบโตในลักษณะ S-Curve ชี้ให้เห็นว่าภาพรวมตลาดโมเดิร์นเทรดของเอเชีย โดยเฉพาะของสด (Fresh) และสินค้าอุปโภคบริโภค (Grocery) ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเป็นโอกาสให้บริษัทของไทยเข้าไปขยายธุรกิจและยกระดับเป็นผู้เล่นสำคัญระดับโลก
ขณะเดียวกันองค์กรยังส่งเสริมเอสเอ็มอีและเกษตรกรไทย ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อนำสินค้า ผลผลิต และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ บุกตลาดต่างประเทศ ผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สร้างระบบนิเวศออนไลน์ของการค้าปลีกแบบใหม่ ขยายช่องทางค้าปลีกได้กว้างขึ้นในตลาดโลก ผ่านการให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขาย (Marketplace) แบบ B2B
ภาพจิ๊กซอว์ของบริษัทไทยกับการก้าวสู่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซ อันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ ถือเป็นกลยุทธ์การขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากนี้สิ่งสำคัญคือการขยายธุรกิจของแม็คโครจะไม่ได้ไปในฐานะภาคเอกชนเพียงรายเดียว แต่จะนำศักยภาพของคนไทย ทั้งผู้ประกอบการและเกษตรกรไทยเติบโตไปด้วยกัน
สรุป
เรียกว่า Makro สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกความต้องการ เพราะมีทั้งค้าปลีก, ค้าส่ง และออนไลน์ น่าจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้ไม่น้อย แต่ก็น่าสงสัยว่า ความครอบคลุมนี้จะส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจในมุมมีอำนาจเหนือตลาดหรือไม่ เพราะไม่ว่าจะช่องทางไหนก็มี Makro และ Lotus’s อยู่ตรงนั้นเสมอ
อ้างอิง // Settrade
อ่านข่าวเกี่ยวกับ Makro และค้าปลีกได้ที่นี่
- Makro ผนึกกำลัง Lotus’s ตั้งเป้าเป็นที่ 1 ของเอเชีย พร้อมเปิดราคาหุ้น PO ที่ 43.50 บาท
- Makro กับแนวคิด ESG เมื่อการทำเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ทำให้ธุรกิจมั่นคงในระยะยาว
- สมาคมค้าปลีก เห็นด้วยเปิดประเทศ 1 พ.ย. แนะทำ ช้อปดีมีคืน อีกรอบ แต่เพิ่มวงเงินเป็น 2 แสนบาท
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา