กลุ่ม Major Cineplex คือผู้นำในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์ ดังนั้นเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามา ทางกลุ่มก็ต้องจับจ้องไว้เป็นรายแรกๆ คล้ายกับ IMAX, เครื่องฉายดิจิทัล และล่าสุดคือการขยับไปใช้จอภาพ LED แทนผืนผ้าใบ
เทคโนโลยีฉายภาพเปลี่ยนผ่านทุก 10 ปี
อ่านไม่ผิดแน่ๆ ครับ เพราะก่อนหน้านี้เราๆ ท่านๆ คงคุ้นเคยการรับชมภาพยนตร์ผ่านเครื่อง Projector ที่ฉายภาพไปยังผืนผ้าใบวีขาวขุ่นขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นยุคที่ใช้ฟิล์ม 35 มม. เป็นสื่อในการฉาย และยุคถัดมาที่เริ่มใช้ไฟล์ดิจิทัลเป็นสื่อในการฉายแทน เพื่อได้ภาพที่คมชัด และสมจริงยิ่งขึ้น
วิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เล่าให้ฟังว่า เทคโนโลยีการฉายภาพนั้นเปลี่ยนแปลงทุกๆ 10 ปี เช่นการฉายแบบ IMAX ที่เข้ามาในไทยเมื่อ 20 ปีก่อน จากนั้นก็เป็นการยกระดับการฉายภาพด้วยดิจิทัลทั้งระบบเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว และในปี 2561 ก็จะเข้าสู่เทคโนโลยีใหม่อีกครั้ง
“ปกติเทคโนโลยีใหม่เข้ามาบางอย่างเก่าๆ ก็ต้องหายไป เช่นฟิล์ม 35 มม. หรือเครื่องฉายยุคเดิม แต่สิ่งที่คงอยู่คือ Silver Screen (หน้าจอผ้าใบเนื้อเงิน) ที่ทำหน้าที่รับภาพจากเครื่องฉาย และสิ่งนี้ก็อยู่ในอุตสาหกรรมโรงภาพยนตร์มากว่า 120 ปี ดังนั้นมันคงถึงเวลาที่จะเปลี่ยน เพื่อยกระดับประสบการณ์รับชมของผู้ใช้บริการไปอีกขั้น”
ปฏิวัติอุตสาหกรรมด้วยการเหลือแค่หน้าจอ
สำหรับเทคโนโลยีที่จะมาทดแทนผืนผ้าก็คือ Samsung Cinema LED Screen หรือจอภาพ LED ขนาดใหญ่ที่สามารถฉายภาพได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีเครื่องฉายอีกต่อไป ซึ่งทางกลุ่มเมเจอร์ฯ เตรียมติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวในโรงภาพยนตร์ที่ 6 ภายใน Paragon Cineplex แต่ยังไม่เปิดเผยเรื่องราคาค่าบริการ เพราะเป็นเรื่องใหม่
และนอกจากจะแพร่ภาพได้ด้วยตนเอง เทคโนโลยีดังกล่าวยังมีจุดเด่นเรื่องการแสดงภาพที่คมชัดระดับ 4K, สามารถแสดงความมืด และสว่างได้ไม่จำกัด ที่สำคัญยังสามารถฉายภาพโดยไม่ต้องลดความสว่างภายในโรงภาพยนตร์ด้วย เหมือนกับการรับชมโทรทัศน์ปกติ ทำให้การจัดกิจกรรมภายในโรงภาพยนตร์ทำได้หลากหลายรูปแบบ
แพงกว่าเทคโนโลยีเดิม 40-50 เท่าก็คุ้ม
อย่างไรก็ตาม “วิชา” ยอมรับว่า เทคโนโลยีดังกล่าวมีราคาแพงกว่าระบบฉายแบบเดิม 40-50 เท่าตัว (ปัจจุบัน Laser Projector ที่ใช้ฉายกันทั่วไปราคาราว 1 ล้านบาท) ทำให้กลุ่มเมจอร์ต้องทยอยติดตั้ง แต่การมีเทคโนโลยีนี้ ทำให้ทางกลุ่มเป็นผู้เล่นรายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเทคโนโลยีนี้ในมือ
สรุป
การจะครองตำแหน่งผู้นำในธุรกิจโรงภาพยนตร์ไว้ได้ เรื่องประสบการณ์ด้านภาพ, เสียง และที่นั่ง ต้องทำได้อย่างดี ซึ่งการยกระดับด้านภาพครั้งนี้ของกลุ่มเมเจอร์ ก็น่าจะช่วยรักษาจุดนี้ไว้ได้ไม่ยาก แต่ด้วยเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างใหม่ และ Samsung เพิ่งติดตั้งไป 2 โรงภาพยนตร์ในเกาหลีใต้ จึงคิดว่าเทคโนโลยีนี้คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง และคาดว่าปี 2563 จะติดตั้งได้ทั้งหมด 1.6 แสนโรงภาพยนตร์ หรือ 20% ของโรงภาพยนตร์ทั่วโลก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา