เปิดเบื้องหลัง Super APP ใหม่ของ “เมเจอร์” ยุคที่แอพต้องมากกว่าจองตั๋ว และดูรอบหนัง

ยุคนี้ใครๆ ก็มีแอพพลิเคชั่นในการสื่อสารกับผู้บริโภค แต่จะมีแค่แอปอยางเดียวไม่ได้ ต้องสร้างเอ็นเกจเมนต์ด้วยเมเจอร์จึงเปิดตัวแอปใหม่เป็น Super APP นำ AI เข้ามาให้แอปฉลาดขึ้น

ต้องเป็นแอปมากกว่าจองตั๋ว และดูรอบหนัง

จากวิสัยทัศน์ของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ที่เข้าสู่ Major 5.0 เน้นทุกขั้นตอนการทำงานต้องเป็นดิจิทัลทั้งหมดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆออกมาอย่างต่อเนื่อง

ในปีนี้กลยุทธ์ของเมเจอร์จะเน้นมาที่ Mobile Marketing แบบเต็มรูปแบบโดยให้ทุกอย่างอยู่บนมือถือตามพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนี้ที่มีการใช้สมาร์ทโฟนเป็นชีวิตจิตใจ

ปกติแล้วเมเจอร์มีแอพพลิเคชั่น Major Movie Plus ไว้สำหรับให้ผู้บริโภคเช็ครอบหนัง รวมถึงจองตั๋วหนังได้สะดวกมากขึ้น แต่ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนไป พร้อมกับโจทย์ของเมเจอร์เองที่ต้องการให้เป็นแอปที่ทำอะไรได้มากกว่าจองตั๋วหนัง และเช็ครอบหนัง

จึงได้คลอดแอพพลิเคชั่นใหม่ Major Cineplex ที่เป็น Super APP เป็นการทำแอพพลิเคชั่นขึ้นมาใหม่เพื่อเข้ามาแทนที่แอป Major Movie Plus ความสำคัญคือเป็นการนำเอาระบบ AI เข้ามาเพื่อให้การดูหนังง่าย สะดวก รวดเร็วขึ้น

ร่วมทุนเอ็มเทลพัฒนา Super APP

นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) ได้เล่าเบื้องหลังของการพัฒนาแอปนี้ว่า

ได้ใช้เวลา 1 ปีในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นนี้ ได้คุยกับทางเอ็มเทลว่าต้องการอยากทำให้แอพพลิเคชั่นเป็นมากกว่าแค่ซื้อตั๋ว ดูรอบหนัง ต้องการเป็นผู้นำในการวงการภาพยนตร์ แล้วต่อยอดไปยังไลฟ์สไตล์อื่นๆ นอกโรงหนัง เพราะตอนนี้ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคไม่ใช่แค่ดูหนัง แต่มีทานอาหาร สามารถเสริมฟีเจอร์อื่นๆ เข้ามาได้อีก

โมเดลธุรกิจนี้เป็นการร่วมทุนกันของเมเจอร์ในสัดส่วน 70% และเอ็มเทล 30% ซึ่งเอ็มเทลเป็นผู้ให้บริการด้าน Digital Solution Provider อันดับหนึ่งของฮ่องกงเคยร่วมทุนทำแอพพลิเคชั่นให้หลายประเทศทั้งเวียดนามและไต้หวัน

เอ็มเทลมีความแข็งแกร่งในการสร้างแอพพลิเคชั่น มี Know How ที่ดี ได้ผลิตแอปสตาร์บัคส์ใช้งานทั้งหมด 16 ประเทศ แอปวัตสันใช้ในอาเซียน ส่วนในประเทศไทยได้ทำแอปให้เมเจอร์ กับแมคโดนัลด์

จุดเด่นของแอปใหม่นี้คือสามารถซื้อตั๋วได้ภายใน 10 วินาทีเท่านั้น นรุตม์บอกว่าเป็น Pain Point สำคัญที่ทำให้ลูกค้าไม่ใช้แอพพลิเคชั่น แต่เดิมมีขั้นตอนเยอะ ใช้เวลา 20-25 วินาที รวม 6 คลิ๊ก แต่แอปใหม่จะใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผล ดูจากพฤติกรรมการใช้งานแล้วเลือกโรง รอบฉาย ที่นั่ง หรือภาพยนตร์ที่ชอบ

แอพพลิเคชั่น Major Movie Plus มียอดดาวน์โหลด 10 ล้านโหลด ยอดแอคทีฟ 1.8 ล้านคนต่อวัน ในปีนี้ตั้งเป้าดาววน์โหลดแอพพลิเคชั่นตัวใหม่ที่ 5 ล้านโหลด

พร้อมกับต้องการกระตุ้นให้ลูกค้าจองตั๋วผ่านแอพพลิเคชั่นมากขึ้น ในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนการจองตั๋วผ่านแอพพลิเคชั่น 5-8% หรือ 2.5 ล้านใบ ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 20% หรือ 7.8 ล้านใบ จากทั้งหมด 39.4 ล้านใบ

สัดส่วนการซื้อตั๋วหนังแบ่งเป็นตู้คีออส 71% เคาท์เตอร์ 21% และแอพพลิเคชั่น 8% ในปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากแอพพลิเคชั่นเป็น 20% ส่วนเคาท์เตอร์เหลือ 5% และตู้คีออส 75%

ช่วยเพิ่มยอดขาย และกระตุ้นความถี่ในการใช้งาน

ความสำคัญอีกอย่างหนึ่งในการพัฒนาแอปตัวนี้ของเมเจอร์นั้น ต้องการสร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภคให้มากขึ้น มีการสร้าง Ecosystem ให้นอกเหนือจากโรงหนัง โดยมีฟีเจอร์ใหม่ทั้ง Facebook Ticketing, Major Chat Bot, Merchants Ticketing, QR Payment, Pay by Point และ Major Quick Payment

มองว่าจะสามารถเพิ่มโอกาสการขายตั๋วมากขึ้น กระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อ อัพเซลล์ต่อยอดไปยังสินค้าอื่นๆ อย่างป็อปคอร์น หรือสินค้าเมอร์เชนไดร์สต่างๆ ได้

สรุป

การสร้างแอพพลิเคชั่นใหม่ของเมเจอร์ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการมองเกมการตลาดบนโลดดิจิทัลได้ดีเพราะแอพพลิเคชั่นในยุคนี้มีเยอะแยะมากมายผู้บริโภคมีการใช้งานแค่ไม่กี่แอปต้องมีการสร้างเอ็นเกจเมนต์กระตุ้นให้ลูกค้าใช้งานถี่ขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา