ความเป็นส่วนตัวอยู่ตรงไหน? ปัญหาใหม่จาก AI บริษัทใช้ติดตามดูข้อความที่พนักงานคุยกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์
Aware บริษัทสตาร์ทอัพด้านซอฟท์แวร์ใช้ AI ติดตามอ่านข้อความของพนักงานที่ส่งหากันผ่านแพลตฟอร์มสำหรับคุยงานของบริษัทอย่าง Slack, Microsoft Teams และ Workplace โดยมีจุดประสงค์เพื่อติดตามดูพฤติกรรมของพนักงาน
Aware เปิดเผยว่า บริษัทใหญ่ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ AI นี้รวมถึง Walmart, Starbucks, Chevron, T-Mobile และ Delta โดยบริษัทได้นำ Aware มาใช้เพื่อเข้าถึงการอ่านข้อความส่วนบุคคลมากถึง 200,000 ล้านข้อความจากพนักงานมากกว่า 3 ล้านคน
การนำ AI มาใช้เพื่อติดตามอ่านข้อความของพนักงานสร้างความกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลว่าจะทำให้บริษัทตัดสินใจอย่างผิดพลาดและละเมิดความเป็นส่วนตัวของพนักงาน
Jeff Schumann ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Aware บอกกับสำนักข่าว CNBC ว่า บริษัทต่าง ๆ ใช้ AI ของ Aware เพื่อตรวจสอบดูว่าพนักงานมีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายและแคมเปญการตลาดของบริษัท ทำให้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันไปที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ อย่างเช่น อายุหรือที่อยู่อาศัยของคนทำงาน
Aware ยังถูกใช้เพื่อตรวจสอบและระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในที่ทำงานด้วยเพราะ AI ได้รับการเทรนเพื่อตรวจสอบปฏิกิริยาของพนักงานจากโมเดลภาษาที่สามารถวิเคราะห์ข้อความและรูปภาพที่สามารถระบุพฤติกรรมที่ละเมิดนโยบายของบริษัท เช่น การบุลลี่ การปฏิบัติต่อกันอย่างมีอคติ การคุกคาม การส่งรูปภาพเปลือย และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ
ซีอีโอกล่าวว่า การเก็บข้อมูลจะไม่ได้ระบุชื่อของพนักงาน แต่ก็อาจมีการเปิดเผยชื่อก็ได้ในกรณีที่มีพฤติกรรมที่ละเมิดนโยบายอย่างรุนแรงเพราะมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า eDiscovery ที่ช่วยระบุตัวตนของพนักงานเมื่อตรวจพบคีย์เวิร์ดใน Slack และ Microsoft Teams ที่ละเมิดกฎของบริษัท
แม้ว่าซีอีโอของ Aware จะบอกว่า AI ไม่ได้ถูกใช้เพื่อช่วยในการตัดสินใจของบริษัทแต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกลับไม่เห็นด้วยในข้อนี้อย่างเช่น Jutta Williams ผู้ร่วมก่อตั้ง Humane Intelligence ที่เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดูแลเรื่องการใช้ AI ที่มองว่า การทำงานของ AI ไม่ได้ทำให้เห็นภาพใหญ่ของเหตุการณ์นั้น ๆ ทั้งหมดทุกแง่มุม
การใช้ AI เพื่อติดตามพนักงานเป็นวิธีที่บริษัทใหญ่ใช้โดยเฉพาะเมื่อพนักงานปฏิเสธที่จะกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ เมื่อปีที่แล้ว พนักงานของ Tesla กล่าวว่า บริษัทติดตามการกดแป้นพิมพ์บนคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบว่าพนักงานกำลังทำงานอยู่หรือไม่ จนพนักงานยังบอกว่า ตนเองไม่สามารถไปเข้าห้องน้ำได้เพราะระบบแบบนี้
ก่อนหน้านี้ ยังมีกรณีที่ JPMorgan Chase ใช้ซอฟท์แวร์ภายในบริษัทเพื่อติดตามการเข้าออฟฟิศ การโทร และปฏิทินของพนักงานด้วย โดยพนักงานคนหนึ่งมองว่าการทำแบบนี้เป็นการสนับสนุนให้เกิดความหวาดระแวง ความไม่เชื่อใจ และการไม่เคารพซึ่งกันและกัน
ในกรณีที่สุดโต่งยังมีถึงการใช้ AI เพื่อติดตามดูการทำงานของพนักงานที่นำไปสู่การปลดพนักงานคนนั้น ๆ ออกจากบริษัทอีกด้วย
ที่มา – Business Insider, CNBC
อ่านเพิ่มเติม
- ปลดอีกระลอก! Microsoft ปลดพนักงานอีก 1,900 คน ฝั่ง Activision Blizzard และ Xbox
- Google ปลดพนักงานหลายร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นฝั่งวิศวกรรมและฮาร์ดแวร์ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เน้นแค่ AI
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา