กลุ่มเมเจอร์เชื่อสถานการณ์โฆษณาในโรงหนังยังดี ครึ่งปีหลังโอกาสแบรนด์ซื้อเพิ่มมีสูง

เมื่อเศรษฐกิจยังไม่ฟื้น คงไม่แปลกที่เม็ดเงินโฆษณาจะลดลงโดยอัตโนมัติ แต่นั่นไม่ใช่กับการโฆษณาในโรงภาพยนตร์ เพราะตัวเลขในครึ่งปีแรกก็ยังเติบโตอยู่ แถมครึ่งปีหลังยังมีภาพยนตร์ชั้นนำเข้าโรงอีกเพียบ

ภาพจาก Facebook ของ Major Cineplex Group (Thailand)

สาขา-ภาพยนตร์ชั้นนำคือปัจจัยหลัก

โรงภาพยนตร์จะเป็นพื้นที่สื่อสารข้อมูลจากแบรนด์ถึงกลุ่มเป้าหมายได้ก็ต่อเมื่อมีภาพยนตร์ชั้นนำดึงดูดผู้บริโภคเข้ามา แต่นั่นก็ไม่เพียงพอ เพราะจะทำให้มีมูลค่าสูงขึ้นก็ต้องมีจำนวนสาขาที่มาก เพื่อกระจายจุดโฆษณาได้ถึงผู้บริโภคทุกพื้นที่ และทุกระดับ

นิธิ พัฒนภักดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายสื่อโฆษณา บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เล่าให้ฟังว่า การที่บริษัทมีสาขา 113 แห่งทั่วประเทศ พร้อม 673 โรงภาพยนตร์ ทำให้มีพื้นที่โฆษณาจำนวนมาก และยิ่งในปี 2560 มีภาพยนตร์ระดับ Blockbuster หลายเรื่อง ทำให้มีผู้บริโภคมาใช้บริการเยอะ และแบรนด์ก็ติดต่อโฆษณาเข้ามาเพิ่ม

ภาพ pixabay.com

“ปีนี้เรียกว่าโตจากปีก่อนแน่นอน ยิ่งอ้างอิงจาก Nielsen ก็จะพบว่าการโฆษณาในโรงภาพยนตร์นั้นเติบโตอยู่แล้ว โดยรายได้โฆษณาของเมเจอร์นั้นมาจากโฆษณาในโรงภายนตร์เป็นหลัก ส่วนการจัดอีเวนท์ หรือโฆษณาด้านนอกนั้นเป็นส่วนน้อย และการขายพื้นที่โฆษณาเราขายแบบมัดรวมทุกสาขา ไม่ได้แยกๆ กันไป”

สาขาที่มีปัญหาเริ่มกลับมาทำรายได้

สำหรับตัวเลขเม็ดเงินโฆษณาในโรงภาพยนตร์ถึงเดือนพ.ค. อยู่ที่ 2,683 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 25% เมื่ออ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิจัยนีลเส็น นอกจากนี้ทางกลุ่มเมเจอร์ยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการรับชมภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดโฆษณาเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ภาพจาก Facebook ของ Major Cineplex Group (Thailand)

ส่วนสาขาที่ค่อนข้างมีปัญหา เช่นเมเจอร์ รัชโยธิน ที่เจอการทำรถไฟฟ้าจนเดินทางลำบาก ก็เริ่มมีผู้ใช้บริการกลับมามากขึ้น เนื่องจากคอนโดมีเนียมระแวกนั้นเริ่มมีผู้อยู่อาศัย และการเดินทางลำบาก ทำให้ตัวเมเจอร์ใกล้ที่สุด ประกอบกับการดึงร้านอาหารใหม่ๆ เข้ามาก็ทำให้ยอดใช้จ่ายมากขึ้นด้วย

ร่วมมือภาครัฐดันยอดกลางปี

ล่าสุดกลุ่มเมเจอร์ร่วมมือกับททท. ในการทำแคมเปญ Moviecation Season 2 ระหว่างวันที่ 13 ก.ค.-13 ส.ค. เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่ซื้อตั๋วภาพยนตร์ 2 ใบได้คูปองเที่ยวสถานที่ 5 ภาคฟรีรวม 300 รางวัล โดยคาดว่าจะแจกคูปองได้ทั้งหมด 4.5 ล้านใบ มากกว่าที่จัดแคมเปญนี้เมื่อปีก่อนที่แจกไป 3 ล้านใบ

สรุป

ตลาดโฆษณาในโรงภาพยนตร์เหมือนจะซึมๆ ไปบ้าง เพราะปัจจุบันผู้บริโภคก็เข้าไปชมลดลง ประกอบกับการรับชมอย่างผิดลิขสิทธิ์ก็ทำได้มากกว่าเดิม แต่หากทางโรงภาพยนตร์มีแคมเปญต่างๆ จูงใจ พร้อมลดราคาลงมาให้กลุ่มเป้าหมายเข้าไปใช้บริการง่ายกว่าเดิม ก็มีโอกาสที่โฆษณาในโรงภาพยนตร์จะกลับมาคึกคักเหมือนในอดีตได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา