ทำไมตระกูล “มหากิจศิริ” ต้องปั้นแบรนด์ P80 น้ำลำไยสกัด ลุยฟังก์ชันนอลดริ้งก์เต็มตัว

ถือเป็นทิศทางในการบุกธุรกิจอาหารมากขึ้นสำหรับตระกูลมหากิจศิริ ล่าสุดได้ลุยตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งก์แบบเต็มตัว เปิดแบรนด์ P80 น้ำลำไยสกัด ตั้งเป้าเป็นโกลบอลแบรนด์ภายใน 5 ปี

ชิงตลาดเครื่องดื่มสุขภาพเป็นครั้งแรก

PM Group เป็นที่รู้จักกันในธุรกิจของตระกูลใหญ่อย่างมหากิจศิริครอบคลุมธุรกิจทั้งการลงทุน การขนส่ง น้ำมัน/ก๊าซ พลาสติก อสังหาริมทรัพย์ สนามกอล์ฟ บันเทิง การศึกษา สินค้าอุปโภคบริโภค โดยที่ธุรกิจอาหารเป็นหนึ่งในธุรกิจใหญ่ที่ตระกูลนี้โฟกัสเป็นพิเศษ

นอกจากแบรนด์เนสกาแฟที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นธุรกิจของครอบครัวในฐานะโรงงานผลิต ยังมีแบรนด์ Krispy Kreme, Pizza Hut, Mugendai, Coffee Gallery ในพอร์ตธุรกิจอาหารอีก

ในปีนี้ได้ขยายพอร์ตเพิ่มด้วยการลุยตลาดเครื่องดื่มสุขภาพ หรือฟังก์ชันนอลดริ้งก์เป็นครั้งแรกในแบรนด์ “P80” ภายใต้ “บริษัท เนเชอรัล เบฟ จำกัด”

P80 เป็นเครื่องดื่มลำไยสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ หรือเป็นเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดริ้งก์แบบช็อต โดยได้ทำการวิจัยกับทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นเวลา 5 ปี และพบว่าลำไยเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้ ช่วยให้การนอนดีขึ้น ควบคุมความดันโลหิต

โดยใช้งบลงทุนรวม 2,000 ล้านบาท รวมทั้งการสร้างโรงงานใหม่ที่จังหวัดลำพูนบนเนื้อที่ 140 ไร่ เพื่อให้รับผลผลิตจากเกษตรกรจากจังหวัดลำพูน และเชียงใหม่ได้ และงบวิจัยพัฒนา งบการตลาดด้วย

ชื่อ P80 มีที่มาจากคำว่า Perfect80 หรือมีสุขภาพแข็งแรง ดูอ่อนวัยแม้อายุ 80 ปีโดยที่เคลมว่าน้ำลำไยสกัดช่วยทำให้นอนหลับลึกคลายความเครียดได้

บทเรียนจากเนสกาแฟ คุณพ่อทำให้คนตื่น ผมทำให้คนหลับสนิท

สำหรับเบื้องหลังของโปรเจ็คต์นี้เฉลิมชัย มหากิจศิริประธานกรรมการ และผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เนเชอรัล เบฟ จำกัด เล่าว่า

จุดเริ่มต้นมาจากคุณพ่อโยนไอเดียมาให้ก่อนว่าทำน้ำลำไย แต่ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจว่าจะทำออกมาเป็นอย่างไร ยังพูดติดตลกอีกว่าสมัยนี้คนด่ากันยังด่าลำไยๆ เลย จนได้ร่วมทำการวิจัยกับทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่จนออกมาเป็น P80

ได้เรียนรู้การทำธุรกิจจากคุณพ่อ ได้มองเห็นความสำเร็จจากเนสกาแฟ เป็นการเอาผลิตผลเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรมาผลิตให้คนไทย สินค้าตัวนี้ก็เหมือนกันอยากให้ผลผลิตของคนไทยไปสู่โลก

คุณพ่อสร้างกาแฟกาแฟทำให้คนตื่น เอาแบรนด์นอกเข้าหาคนไทย วันนี้ผมเอาสารสกัดลำไยทำให้คนหลับอย่างมีคุณภาพ และต้องการเอาแบรนด์ไทยไปสู่ต่างประเทศให้ได้

ทำไมต้องเปิดแบรนด์ P80

  1. ตลาดฟังก์ชันนอลดริ้งก์เติบโตทุกปี ในปี 2017 มีมูลค่า 20,000 ล้านบาท เติบโต 5-7%
  2. ยังไม่มีผู้เล่นในตลาดน้ำลำไยสกัดเข้มข้นเพื่อสุขภาพ
  3. คนไทย และคนต่างชาติมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ ความเครียดอยู่มากมาย คิดว่าสินค้าจะช่วยได้
  4. ได้ช่วยเหลือเกษตรกรในการรับซื้อผลลำไย แก้ปัญหาลำไยล้นตลาดได้ ตั้งเป้ารับซื้อ 7,000-10,000 ตันต่อปี
  5. ค้นหานวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับอาหาร เพื่อสร้างสินค้าใหม่ๆ ให้ผู้บริโภค

ดึงณเดชน์เป็นพรีเซ็นเตอร์ในไทยปาเกียวในระดับโลก

สำหรับการการตลาดของ P80 เรียกว่าเป็นการตลาดแบบใจร้อน อยากให้เข้าถึงผู้บริโภคได้รวดเร็ว จึงใช้พรีเซ็อนเตอร์ในการสื่อสาร ได้เลอืกตัวพ่ออย่างณเดชน์ คูกิมิยะ เป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรก เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มผู้ใหญ่เท่านั้น

ตอนนี้ได้เริ่มส่งออกไปต่างประเทศแล้วผ่านทางดิสทริบิวเตอร์ในแต่ละประเทศเริ่มต้นที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ลาว และเตรียมขยายฐานไปยังพม่า เวียดนามเพิ่มเติม

ส่วนประเทศจีนก็เป็นเป้าหมายสำคัญได้มีแผนเซ็นสัญญากับดิสทริบิวเตอร์ที่ครอบคลุมพื้นที่มณฑล กวางเจา เซี้ยงไฮ้ ปักกิ่ง ส่วนในยุโรปก็มีความสนใจประเทศฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม

ซึ่งในระดับโลกได้ใช้แมนนี่ ปาเกียว นักมวยชาวฟิลิปปินส์เป็นพรีเซ็นเตอร์ประยุทธ มหากิจศิริ ได้บอกเลยว่าการตลาดตอนนี้ให้ใช้คนดังที่สุดเท่าที่หาได้ เพื่อให้สินค้าดังที่สุด ประสบผลสำเร็จเร็วที่สุด

ต้องเป็นโกลบอลแบรนด์ใน 5 ปี มียอดขาย 10,000 ล้าน

เป้าหมายของ P80 ในปีนี้คือมีรายได้ 2,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาด 10% ในตลาดฟังก์ชันนอลดริ้งก์ โดยที่แบ่งเป็นรายได้จากในประเทศ 50% ต่างประเทศ 50%

สำหรับแผนระยะยาวมีการตั้งเป้าว่าจะขึ้นเป็นโกลบอลแบรนด์ได้ภายใน 5 ปี และต้องมีรายได้ 10,000 ล้านบาท ทางด้านผู้เป็นพ่ออย่างประยุทธได้บอกว่าถ้า 5 ปีไม่หมื่นล้าน ไม่ใช่เป้าหมายของประยุทธ มหากิจศิริ

ในขณะเดียวกันก็เป็น KPI หลักให้ทางลูกชายอย่างเฉลิมชัย พร้อมกับได้ได้หยอกล้อกับพ่อของตนว่าเข้าใจหรือยังว่าทำไมยังไม่มีภรรยา เพราะมีงานให้ทำตลอด

เฉลิมชัยได้พูดปิดท้ายถึงหัวใจสำคัญในการเปิดแบรนด์ P80 ว่าพ่อสอนไว้ว่าจงเป็น First Mover ตลอด ตอนนั้นพ่อกลับจากต่างประเทศแล้วเห็นว่ายังไม่มีคนทำโรงงานกาแฟ เลยทำกับเนสกาแฟ ตอนนั้นพ่อทำให้คนตื่น แต่ตอนนี้ผมทำให้คนหลับ

สรุป

เริ่มเห็นทิศทางการขยายธุรกิจอย่างหนักหน่วงมากขึ้นของตระกูมหากิจศิริ จากธุรกิจอาหารที่เป็นแฟรนไชส์ร้านอาหารจากต่างประเทศ ก็มีการพัฒนาสร้างแบรนด์ของตัวเอง ในอนาคตธุรกิจอาหารจะมีบทบาทสำคัญอย่างแน่นอนของตระกูลนี้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา