เปิดแผน Turn Around ของ LPN ปั้นรายได้ 16,000 ล้านบาทในปี 67

LPN เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความโดดเด่นเรื่องความคุ้มค่า หรือ Value for Money แต่ช่วงที่ผ่านมา LPN ได้รับผลกระทบทำให้รายได้หดหายไปพอสมควร แต่ล่าสุดได้มีการประกาศแผน Turn Around กับ 4 กลยุทธ์ใหม่ ที่จะทำให้ภายใน 3 ปีจากนี้ รายได้กลับไปใกล้ 20,000 ล้านบาทอีกครั้ง พร้อมกับยืนยันว่า รายได้ไม่ใช่มิติเดียวที่สะท้อนความสำเร็จของธุรกิจ แต่ต้องเน้นประสิทธิภาพในทุกด้าน

LPN

โอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) บอกว่า LPN ตั้งเป้ารายได้ปี 64 แบ่งเป็นรายได้จากบ้านพักอาศัยประมาณ 30% รายได้จากอาคารชุดพักอาศัยประมาณ 70% และรายได้ที่มาจากธุรกิจบริการและการเช่าเติบโตประมาณ 20% รักษายอดขายที่ 10,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 2563 มีรายได้จากการขายและบริการ 7,362 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 734 ล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) ประมาณ 2,200 ล้านบาท ที่จะรับรู้รายได้ในปี 2564 และมีสินค้าคงเหลือที่พร้อมขายประมาณ 11,000 ล้านบาท

LPN

LPN

สำหรับการวางยุทธศาสตร์แผน 3 ปี ให้เป็นองค์กรที่มีอัตราการเติบโตในด้านของรายได้ และความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ผ่านการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ การใช้ข้อมูล (Big Data) มาวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า (Customer Insight) LPN จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรจากการทำตามหน้าที่ (Functional Organization) สู่การบริหารงานในรูปแบบของหน่วยธุรกิจ (Business Unit) มีการทำ Digital Transform และปีเตรียมความพร้อมเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2565-2567 โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ไม่น้อยกว่า 16,000 ล้านบาทในปี 2567 เท่ากับที่เคยทำได้เมื่อปี 2558

LPN

“ลูกค้าของ LPN คือคน Gen B, Gen X แต่ตอนนี้ตลาดเปลี่ยน คน Gen Y มาแล้ว ความคุ้มค่ายังสำคัญแต่เรื่อง Emotional Benefit เพิ่มขึ้น ต้องพัฒนาให้โครงการมีเอกลักษณ์ของตัวเอมากขึ้น ยืนยันว่า LPN ไม่โบราณ แต่ที่ผ่านมา อาจไม่ได้หยิบเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ แต่จากนี้จะเห็นการทำ Digital Transformation มากขึ้น”

LPN

4 ยุทธศาสตร์ Turn Around

  • การรุกตลาดบ้านพักอาศัย: มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ โดยมีแผนเปิดตัวบ้านพักอาศัย โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท เป็นโครงการบ้านเดี่ยว ราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ “บ้าน 365” 1-2 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยเน้นการเปิดตัวโครงการในย่านใจกลางเมืองในพื้นที่ขนาดเล็ก แต่มีความเป็นส่วนตัวสูง และโครงการบ้านพักอาศัยภายใต้แบรนด์ “บ้านลุมพินี ทาวน์เพลส” และ “บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์” ที่ระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อหน่วย ประมาณ 3-5 โครงการ มูลค่าประมาณ  2,500 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮ้าส์หน้ากว้าง จอดรถได้ 3 คัน

LPN จะเพิ่มสัดส่วนรายได้บ้านพักจาก 20% เป็น 30% ในปี 64 และเป็น 50% ในปี 67 และรักษารายได้จากโครงการอาคารชุดโดยมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 2-3 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ในปี 2564 โดยโครงการแรกในไตรมาสสองของปี 2564 

  • ขยายฐานรายได้จากงานบริการ: LPN จะสร้างรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจบริการภายใต้บริษัทในเครือทั้ง บริษัท ลุมพินี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) บริษัท แอล พี ซี วิสาหกิจ เพื่อสังคม จำกัด (LPC) บริษัท ลุมพินี วิสดอม แอนด์ โซลูชั่น จำกัด (LPN Wisdom) และบริษัท รักษาความปลอดภัย แอลเอสเอส โซลูชั่นส์ จำกัด (LSS) โดยตั้งเป้ารายได้ในส่วนของงานบริการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ในปี 2564 เทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้จากงานบริการและธุรกิจให้เช่าที่ 1,361 ล้านบาท 

นอกจากการบริหารอาคาร บริหารชุมชม LPN จะเพิ่มการบำรุงรักษาอาคารสูง ซึ่งเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญซึ่ง LPN มีความพร้อมเรื่องนี้อยู่แล้ว

  • การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน: นโยบายบริหารสภาพคล่องทางการเงิน ชะลอแผนการซื้อที่ดินใหม่ โดยบริษัทมีที่ดินที่ซื้อเก็บไว้ในปี 2563 ทั้งสิ้น 6-8 แปลง สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยในปี 2564 ได้ตามแผนที่วางไว้ และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และสร้างเสร็จรอพร้อมขายรองรับในช่วงปี 2564-2567 จึงไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินใหม่เพื่อการพัฒนาอาคารชุดพักอาศัย จะทำให้สามารถรักษากระแสเงินสด รองรับการลงทุนด้านอื่นๆ และรองรับความเสี่ยงจากโควิด

LPN ยังมีแผนจะออกหุ้นกู้ประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระคืนในปี 2564 จำนวน 2,000 ล้านบาท และเพื่อลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการบ้านพักอาศัยที่บริษัทมีแผนใช้งบลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาทในปี 2564 โดยที่บริษัทยังคงสามารถรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity Ratio) ในสัดส่วนไม่เกิน 1:เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับบริษัท 

  • การสร้างรายได้และ Backlog จากทรัพย์สินที่มีอยู่: นำอาคารชุดพักอาศัยที่สร้างเสร็จรอขายแล้วนั้นมาปล่อยเช่าเพื่อสร้างรายได้และรวมถึงการสร้าง Backlog เพื่อขายในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำที่ดินที่รอการพัฒนาบางส่วนมาพัฒนาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินที่บริษัทถือครองอยู่ เพิ่มเติมจากที่ดำเนินการไปแล้วในปี 2563 ที่สามารถทำรายได้เติบโตในส่วนนี้ได้ถึง 30%

LPN

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา