โลตัส จัดแคมเปญใหญ่ 31 ปี ดึงดิสนีย์เจาะ Gen Z ส่งโมเดล E-Stamp แลกของ-ชิงโชครถยนต์มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท

แคมเปญดังกล่าวมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2568 ถึง 12 พฤศจิกายน 2568 โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการเป็น ‘Smart Community’ ของแบรนด์

วิเคราะห์กลยุทธ์ “ใจฟู” และการเลือกใช้ดิสนีย์

สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร – กลุ่มธุรกิจค้าปลีก บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า ระบุว่า การเลือกใช้คำว่า “ใจฟู” ในแคมเปญนี้มาจาก 3 แนวคิดหลัก คือ:

1. เชื่อมโยงกับ Brand Essence: สอดคล้องกับสโลแกน “รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส” (A Little Delight Every Day)
2. คาแรกเตอร์สินค้า: สื่อถึง “ขนฟู” ของตัวละครจากดิสนีย์และพิกซาร์ เช่น Lotso (Toy Story), Sulley (Monsters Inc.), Red Panda Mei (Turning Red), Chip ‘n Dale และ Winnie the Pooh ซึ่งโลตัสระบุว่าเป็นการรวมตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในแคมเปญลักษณะนี้
3. กลไกทางการตลาด: สร้างความรู้สึก “ใจฟู” ผ่านโปรโมชัน ของพรีเมียม และรางวัลใหญ่

การร่วมมือกับดิสนีย์ยังรวมถึงการเปิดตัวสินค้าลิขสิทธิ์คอลเลกชันพิเศษกว่า 80 รายการ ที่จะวางจำหน่ายเฉพาะที่โลตัสเท่านั้น เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดนักสะสม

กางกลไก 3 ไฮไลท์หลักของแคมเปญ

โลตัสวางกลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายผ่าน 3 โปรโมชันหลัก ได้แก่:

• โปรใหญ่ใจฟู: การทำโปรโมชันลดราคาสินค้าร่วมกับพันธมิตรกว่า 70 แบรนด์ เพื่อลดค่าครองชีพและสร้างความคุ้มค่า
• E-Stamp ใจฟู: ใช้แอปพลิเคชัน Lotus’s Smart App เป็นเครื่องมือหลักในการสะสมแสตมป์ดิจิทัล โดยทุกการใช้จ่าย 100 บาท จะได้รับ 1 E-Stamp สำหรับใช้แลกสินค้า 2 ประเภท
  • ของพรีเมียมลิขสิทธิ์ดิสนีย์: กล่องสุ่มกระเป๋า, กระเป๋าอเนกประสงค์, หมอนกอดผ้าห่ม และ Bean Bag
  • สินค้าอุปโภคบริโภค: ข้าวสาร, น้ำดื่ม, ทิชชู่ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่เน้นความคุ้มค่า
• ลุ้นใหญ่ใจฟู: ใช้โมเดลชิงโชคกระตุ้นการซื้อซ้ำ โดยทุก 100 บาท จะได้รับ 1 สิทธิ์ลุ้นรางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 3,116,000 บาท ประกอบด้วย
  • รางวัลที่ 1: รถยนต์ไฟฟ้า Mini Cooper SE Hightrim พร้อม Wrap ลายพิเศษ จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 1,904,000 บาท
  • รางวัลที่ 2: รถมอเตอร์ไซค์ Honda Scoopy-i พร้อม Wrap ลายพิเศษ จำนวน 20 รางวัล มูลค่ารวม 1,212,000 บาท

นอกจากการส่งเสริมการขาย โลตัสยังขยายผลไปสู่การตลาดเชิงประสบการณ์ (Experiential Marketing) โดยร่วมมือกับ Souri Café แบรนด์มาการอง เปิดตัวคาเฟ่และเมนูพิเศษที่สาขาของโลตัส เพื่อสร้างพื้นที่และกิจกรรมที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

โดยสรุป แคมเปญครบรอบ 31 ปีของโลตัสในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การจัดโปรโมชันทั่วไป แต่เป็นการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ที่แข็งแกร่งอย่างดิสนีย์ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มใหม่ พร้อมทั้งผสานกลไกดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชันและสร้างการมีส่วนร่วมผ่านของสะสมและการชิงโชค ซึ่งเป็นทิศทางที่น่าจับตาในสมรภูมิค้าปลีกปัจจุบัน