LINE TV คือ Platform รับชมความบันเทิงบน Online ที่มาแรง เพราะด้วยการให้ชมฟรีแบบมีโฆษณา และหา Content ใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ให้บริการรายอื่นก็ทำได้ แต่ทำไม LINE TV ถึงไม่กลัวล่ะ
รับชมฟรี แต่มีโฆษณานั้นมีมานานแล้ว
ถ้าเป็นผู้ชื่นชอบความบันเทิงบนโลก Online มาระยะหนึ่ง ก็น่าจะรู้ว่าบริการรับชมเนื้อหาวีดีโอต่างๆ แบบฟรี แต่มีโฆษณาขั้นนั้นมีอยู่เต็มไปหมด แถมผู้ให้บริการบางรายยังก่อตั้งในประเทศไทยด้วย แต่เมื่อการมาถึงของ LINE TV เมื่อ 4 ปีก่อน กลับสร้างความแตกต่างให้กับบริการดังกล่าวอย่างชัดเจน
กวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ ผู้อำนวยการธุรกิจคอนเทนต์ ไลน์ ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า ถึงบริษัทจะมาช้ากว่า แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากแพลตฟอร์มของ LINE ทำให้ LINE TV สามารถสร้างการรับรู้ และเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าผู้เล่นรายอื่น ซึ่งในอนาคตมันน่าจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นแน่ๆ
“กระแสแพลตฟอร์มรับชมฟรีแต่มีโฆษณานั้นค่อยๆ เติบโตขึ้น ล้อไปกับการเกิดขึ้นของ Subscription Video on Demand (SVOD) ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่แค่ LINE ทำ แต่เจ้าอื่นๆ ก็ทำเหมือนกัน แต่เราจะแตกต่างด้วยแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งของ LINE และนอกจากที่ไทย เราก็ไปทำตลาดบริการนี้ที่ไต้หวัน”
มีแค่เงินไม่ได้ ต้องอยู่อย่างยั่งยืนด้วย
สำหรับบริการ LINE TV นั้น ทุกวีดีโอที่อัพโหลดขึ้นไปบนระบบจะทำโดย LINE ทั้งสิ้น ต่างกับแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube ที่วีดีโอทั้งหมดถูกอัพโหลดด้วยฝั่งผู้ใช้งานเอง ดังนั้นทาง LINE จะมีสิทธิ์เลือกวีดีโอต่างๆ รวมถึงลงทุนสร้างภาพยนตร์ หรือซีรีส์เพื่อแพร่ภาพในแพลตฟอร์มของตัวเองด้วย
“การลงทุนของ LINE TV นั้นยังมีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการหา Content ใหม่ๆ เข้ามา หรือการร่วมกับทีมผู้สร้างเพื่อพัฒนา Original Series ของตัวเอง ซึ่งทั้งหมดเป็นการลงทุนอย่างยั่งยืน เพราะเราได้แพลตฟอร์มของ LINE มาช่วยค่อนข้างมาก”
อย่างไรก็ตาม “กวิน” มองว่า การลงทุนในลักษณะเดียวกับ LINE TV ของผู้เล่นรายอื่นนั้นก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยให้ Content ต่างๆ ไปถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด โดยปัจจุบัน LINE TV มีการดาวน์โหลดไปใช้งานกว่า 20 ล้านครั้ง และมียอดคนดูเติบโตเฉลี่ย 70%
อีกโปรดักต์ที่สำคัญของบริษัทในตอนนี้
เมื่อมีการลงทุนเยอะ และการเติบโตที่สูง จึงไม่แปลกที่ LINE TV จะเป็นอีกโปรดักต์สำคัญของกลุ่ม LINE ในแง่รายได้ และมีศักดิ์เทียบเท่ากับบริการ LINE MAN เพราะมีการใช้งานเติบโตอยู่ในกลุ่ม 3 อันดับแรก ซึ่งรายได้หลักของ LINE TV ก็มาจากโฆษณา เติบโตราว 70% จากปีก่อน
สำหรับคู่แข่งของ LINE TV ถ้ารวมแบบในประเทศก็จะมี Seeme ของกลุ่ม MONO และ Bugaboo TV ของช่อง 7 ซึ่งทั้งคู่ต่างก็นำรายการที่ตัวเองผลิต หรือเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อัพโหลดขึ้นไปในระบบ โดยแต่ละรายก็มีจุดเด่นต่างกัน เช่น Seeme จะมีภาพยนตร์ และซีรีส์จำนวนมาก ส่วน Bugaboo ก็จะมีละครช่อง 7 ที่หาดูย้อนหลังที่ไหนไม่ได้
“ตอนนี้ที่ LINE TV ทำงานกับช่องทีวีดิจิทัลอยู่ก็เช่นช่องวัน กับ GMM 25 และช่อง 3 ซึ่งพวกเขาก็ค่อนข้างพึงพอใจกับยอดวิว ที่สำคัญเราอยู่ระหว่างเจรจากับช่อง 7 ด้วย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริการ ส่วนเรื่องรายการกีฬานั้นจะเน้นเรื่องการถ่ายทอดสด และร่วมกับพาร์ทเนอร์เป็นหลัก”
สรุป
LINE TV ถือเป็นแพลตฟอร์มที่น่าจับตามอง เพราะการรับชมฟรีนั้นอย่างไรก็ดึงดูดผู้ชมได้อยู่แล้ว ยิ่งการได้จับมือกับช่องทีวีดิจิทัล พร้อมกับการสร้าง Original Series ของตัวเอง ก็ยิ่งดูน่ากลัวในสายตาบริการสมัครสมาชิกเพื่อรับชม ดังนั้นคงต้องดูกันต่อไปว่าอนาคตของ LINE TV นั้นจะไปได้ไกลขนาดไหน
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา