ภายหลัง 5 เดือนการแต่งงาน หรือเรียกว่าการควบรวมระหว่าง LINE MAN และ Wongnai ทำให้มี CEO ชื่อ ยอด ชินสุภัคกุล เป็นผู้นำทัพอย่างชัดเจนในสนามการแข่งขันหนึ่งในธุรกิจที่การเติบโตสูงที่สุดในประเทศไทยเวลานี้ คือ Food Delivery
Disclaimer: Brand Inside เป็นบริษัทในเครือ LINE MAN Wongnai
จากวันนั้นที่เป้าหมายของ LINE MAN Wongnai คือการเป็น Unicorn รายแรกของไทย แต่มาถึงวันนี้ เป้าหมายต่างๆ อาจเปลี่ยนไป
ยอด บอกว่า การควบรวมระหว่าง LINE MAN Wongnai คือ การตัดสินใจที่ถูกต้อง และดีกว่าที่คิดไว้มาก กระบวนการหลังการควบรวมก็เป็นไปอย่างดี ทำให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อได้ทันที มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ยกเครดิตให้ทีมงาน LINE MAN และ Wongnai ซึ่งสาเหตุที่ทีมงานสามารถร่วมกันได้อย่างดี เพราะเคยทำงานด้วยกันมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ไม่ใช่คนแปลกหน้า
“ส่วนตัวมาจาก Wongnai ดังนั้นต้องให้การดูแลเอาใจใส่พนักงานจาก LINE MAN ก่อน ต้องแสดงให้เห็นว่าเราเป็นมีมาตรฐาน มีเหตุผล เป็นคุณพ่อลูกสองที่เป็นคนธรรมดา และเรามีคู่แข่งร่วมกันรออยู่ข้างนอก”
5 เดือนแรก กับการขยายบริการ 36 จังหวัด
Food Delivery เป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างมาก มีโควิดเป็นตัวส่ง ปี 63 LINE MAN Wongnai มีการเติบโตกว่า 5.3 เท่า มีการควบรวมกันประมาณเดือน ก.ย. ให้บริการ 7 เมือง ปัจจุบันขยายเป็น 36 จังหวัด และมีเป้าหมายให้ครบ 77 จังหวัดภายในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจ POS เติบโตขึ้น 3.5 เท่าเช่นเดียวกันแต่ก็มีส่วนที่ได้รับผลกระทบเช่นธุรกิจมีเดีย
ต้องบอกว่าในตลาด Food Delivery เวลานี้ เรียกว่าดุเดือดมาก มีคู่แข่งรายใหญ่ๆ เช่น Grab, Gojek และ Foodpanda รวมถึงคู่แข่งรายรองลงไปอย่าง Robinhood และรายใหม่อย่าง TrueFood ที่กำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น คำถามสำคัญคือ อะไรคือจุดเด่นของ LINE MAN
4 จุดเด่นที่สร้างความแตกต่างให้ LINE MAN
- LINE MAN เป็นทางเลือกให้กับร้านอาหาร สามารถเลือกได้ว่าจะเป็น GP Model ได้ค่าส่งพิเศษ หรือ Non-GP Model ก็ได้ ใช้ LINE MAN เป็นช่างทางในการส่งอาหาร ขณะที่ผู้บริโภคมีกว่า 3 แสนร้านอาหาร สั่งได้หมดจากถูกที่สุดไปแพงที่สุด
- LINE MAN มีความเป็น Local Team โดยคนไทยเพื่อคนไทย ปีนี้จะขยายไปให้บริการครบ 77 จังหวัด และจะลงไปถึงระดับทุกอำเภอเท่าที่เป็นไปได้ ถือเป็นเป้าหมายในปีนี้
- ความร่วมมือกับ LINE มี Mini-App ไม่ต้องโหลดแอปเพิ่ม สั่งอาหารผ่าน LINE ได้เลย และอนาคตใน 2-3 เดือนข้างหน้าจะมีความร่วมมือกับ LINE ออกมาอีกแน่นอน เป็นการใช้ Ecosystem ร่วมกัน
- บริการ Restaurant Solutions หรือ POS เป็นบริการช่วยเหลือดูแลร้านอาหาร เป็นอีกส่วนที่สำคัญ ที่ทำให้ LINE MAN Wongnai มีบริการสำหรับร้านอาหารที่ครบวงจร และสามารถแข่งขันในตลาดได้
ตลาด Food Delivery เริ่มต้นมาประมาณปี 2018 ตอนนี้ผ่านมาปีที่ 4 ถือว่าผ่านมาประมาณครึ่งทาง มีการแข่งขันสูงมาก กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปก็ยังไม่ได้มี Loyalty ที่ชัดเจน แต่ตลาดเองยังขยายตัวได้อีกเยอะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้บริการกันหมดแล้ว ยังมีโอกาสสูง
ถ้ามองสัดส่วนตลาด Food Dining มูลค่าประมาณ 9 แสนล้านบาท Food Delivery ประมาณ 5% เท่านั้น ยังไปได้อีกไกล และ LINE MAN ต้องการเป็น Local Last Man Standing
แผนธุรกิจปี 64 กับการเป็น E-commerce Platform for Services
แคมเปญใหญ่ครั้งแรกหลังการควบรวม คือ LINE MAN Food Hero มีการใช้ นายฮ้อย–ล่ามทรง ซึ่งป็นนักรีวิวอาหารตัวจริงด้านการกิน ในฐานะ Eating Master เป็นตัวแทนของคนวงในที่จริงจังเรื่องอาหาร มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ LINE MAN แคมเปญนี้ถือเป็นแคมเปญระยะสั้น 2 เดือน มีส่วนลด มีเมนูพิเศษ ระหว่างวันที่ 16 มี.ค.-16 พ.ค.
อีกส่วนที่สำคัญคือ E-commerce Platform for Services เป็นเป้าหมายที่ไกลกว่า Food Delivery
ยอด เล่าว่า เป้าหมายของ LINE MAN Wongnai คือ การทำให้ชีวิตของคนไทยดีขึ้น Help Thai People Live Better ทั้งผู้บริโภค ร้านอาหาร และ Rider หลังจากการควบรวม 5 เดือน เห็นเลยว่า LINE MAN ช่วยร้านอาหารได้เป็นแสนร้านที่อยู่บน Platform คนขับเป็นหมื่น และคนใช้งานเป็นล้านคน
สิ่งนี้กลายเป็น Mission ของ LINE MAN นั่นคือการเป็น E-commerce Platform for Services ความหมายคือ เป็น E-commerce ที่รวมบริการ หนึ่งในนั้นคือ Food Delivery ซึ่งเป็นแค่ธุรกิจเดียว และตามมาด้วย Taxi, Messenger, รับส่งพัสดุ, Massage at Home หรือ Deals ต่างๆ
LINE MAN Wongnai มีพนักงานต่างประเทศ 2 คน อีกเกือบ 800 คนคือคนไทย ดังนั้น เป้าหมายคือ ต้องทำบริการที่ดีที่สุดให้กับคนไทย
“ในฐานะที่เป็น Local Service อย่างแท้จริง เราสามารถรับฟังเสียงตอบรับจากผู้ใช้จริง แล้วนำมาปรับปรุงพัฒนาได้ทันที แม้แต่เสียงเรียกเข้า เมื่อมีคำแนะนำเข้ามา ทีมวิศวกรก็ปรับเปลี่ยนมีตัวเลือกใหม่ๆ มาให้ผู้ใช้ได้เลือก”
สิ่งนี้ทำให้ LINE MAN มีความ Tailor Made ได้มากกว่า และนั่นทำให้ต้องมีคนเก่งๆ เข้ามาร่วมงานด้วยจำนวนมาก
Unicorn ไม่ใช่เส้นชัยอีกต่อไป
หนึ่งในเป้าหมายของ Startup ทั่วโลก คือ อยากเป็น Unicorn คือ มีมูลค่าระดับ 1,000 ล้านดอลลาร์
แต่สำหรับ LINE MAN ยอด บอกว่า Unicorn ไม่ใช่เส้นชัยอีกต่อไป ปีที่ผ่านมา LINE MAN เติบโต 5 เท่า การจะเป็น Unicorn จึงเป็นเป้าหมายที่ใกล้เกินไปแล้ว แน่นอนว่า Unicorn ยังอยู่ในเส้นทางที่จะต้องผ่านไป
แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ LINE MAN ต้องการเป็น Platform สำหรับคนไทย ที่ช่วยคนไทยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น การจะเป็น Unicorn ไม่ได้สำคัญสำหรับคนในบริษัท ไม่ได้สำคัญสำหรับร้านอาหาร สำหรับ Rider หรือสำหรับคนใช้งาน ดังนั้น Unicorn จึงเป็นเพียงตัวเลขสำหรับนักลงทุน แต่ LINE MAN ทำงานที่มีคุณค่ามากกว่านั้นได้ และทำให้มีพลังในการทำงานมากกว่าเดิม
ส่วนสิ่งที่ใช้วัดผลความสำเร็จ อยากให้มองว่า คนขับหรือ Rider มีงานทำ มีเงินใช้ ร้านอาหารขายได้ ผู้ใช้งานมีความสุขและกลับมาใช้บริการซ้ำ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนจะเติบโตไปด้วยกัน
เทคนิคการเป็นผู้นำสไตล์ ยอด ชินสุภัคกุล
ก่อนจะมาเป็นบริษัทที่มีพนักงานเกือบ 800 คน แต่ละช่วงมีความแตกต่างกัน สมัยที่ยังเป็น Wongnai ช่วงแรกเน้นที่ Product และ Marketing เป็นหลัก เพราะคือช่วงที่สร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จัก
พอ Wongnai เติบโตขึ้นมา ก็ต้องสร้าง Culture หรือวัฒนธรรมองค์กร ที่ดึงดูดให้คนอยากมาร่วมงานด้วย เพื่อขยายบริษัทให้เติบโตขึ้น
ส่วนปัจจุบัน หลังจากการควบรวมกับ LINE MAN ในฐานะ CEO ต้องหาคนที่เก่งกว่าเรามาทำงานให้เรา ต้องบริหารจัดการคนที่เก่งกว่ามากๆ แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนเลยสำหรับตัวเอง คือ
- ความอึด และทำงานหนักตลอดเวลา ไม่ยอมแพ้ นี่คือสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยน แต่สามารถแบ่งเวลาให้กับครอบครัว มีเวลาพักเพื่อให้มีแรงลุยงานต่อ วันจันทร์–พุธ ได้พักจากเสาร์–อาทิตย์มา ทำงานดึกได้สบายมาก
- การเป็น Story Telling การเล่าเรื่องให้คนอื่นฟังเป็นสิ่งสำคัญ ใช้มาโดยตลอด ถ้าเป็นไอเดียที่ดี มักจะซื้อใจคนได้
ทิ้งท้ายคำแนะนำถึง Startup ที่ยากขึ้นทุกที
ในฐานะที่เริ่มต้น Wongnai เป็น Startup แรกๆ ในไทย เป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆ คนทำ Startup ให้ความเห็นเรื่องการทำ Startup ว่า ปัจจุบันเป็นเรื่องที่ยากมาก ทั้งเรื่องโควิด เรื่องเศรษฐกิจ และจะมองแค่ตลาดในไทยไม่เพียงพอ ต้องมองตลาดระดับโลก แต่นั่นเท่ากับว่าต้องเจอคู่แข่งจากทั่วโลกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับ Startup ปัจจุบัน
“การมองตลาดในประเทศเป็นจุดอ่อนของคนไทย เพราะเรามีขนาดตลาดที่ใหญ่พอ แต่ดูสิงคโปร์ ตลาดเขาเล็กมาก ทำให้เขาต้องดิ้นรนไปหาตลาดโลกซึ่งใหญ่กว่ามหาศาล”
ช่วงที่ผ่านมามี Startup จำนวนไม่น้อยเจอผลกระทบจากโควิด บางรายจากคนเป็นร้อยเหลือไม่ถึงสิบคน ดังนั้นต้องยอมรับว่าสนามแข่งขันนี้โหดจริง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา