มูลค่าตลาดโทรทัศน์ราว 30,000 ล้านบาทจะเติบโตหรือไม่ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีอย่างเดียว เพราะแทบทุกบ้านต่างมีเครื่องใช้ไฟฟ้าตัวนี้แล้ว ดังนั้นถ้าจะมาหั่นราคาขายก็คงไม่กระตุ้นความต้องการเท่าไรนัก
ตลาดนิ่งมา 2 ปีติด และปีนี้ก็คงเหมือนเดิม
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น มูลค่าตลาดโทรทัศน์ในประเทศไทยปีนี้คงปิดที่ 29,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบกับปี 2559 ผ่านยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด 2.5 ล้านเครื่อง ที่เพิ่มจากปี 2559 เพียง 1% เท่านั้น แสดงให้เห็นถึงโอกาสในตลาดนี้ที่ค่อนข้างน้อย และถ้าจะเติบโตก็ต้องไปแย่ง Market Share จากคู่แข่งมาเท่านั้น
นิพนธ์ วงษ์แสงอรุณศรี ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า เรื่องนวัตกรรมการแสดงภาพคือตัวแปรหลักในการดึงดูดให้ครัวเรือนที่มีโทรทัศน์อยู่แล้วหันมาซื้อเครื่องใหม่กันมากขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยี 4K และ Smart TV ก็มีราคาที่ปรับลดลง ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายกว่าปีก่อนๆ
“ถ้าเทียบง่ายๆ 3-4 ปีก่อน กว่าจะจับโทรทัศน์ 4K ซักเครื่อง ต้องกำเงินตั้งแต่ 5 หมื่นบาทขึ้นไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว กำเงินไป 2 หมื่นกว่าๆ ก็ซื้อ 4K รุ่นเริ่มต้นที่มีขนาดหน้าจอ 40 นิ้วขึ้นไปได้ แต่ด้วยตอนนี้รุ่นเริ่มต้นไม่ใช่ทางเลือกหลัก กลายเป็นโทรทัศน์กลุ่มพรีเมียมแทน ทำให้ภาพรวมตลาดโทรทัศน์ปีนี้ก็คงทรงๆ เหมือนเดิม”
โทรทัศน์ระดับพรีเมียมกลายเป็นตัวเลือกหลัก
เมื่อตลาดนิ่ง ก็ลืมไปได้เลยว่าโทรทัศน์รุ่นเริ่มต้น หรือรุ่นที่ไม่ได้มี Feature อะไรมากมายจะขายดี เพราะปัจจุบันรุ่นที่จำหน่ายได้ดีคือกลุ่มที่มีหน้าจอขนาด 45 นิ้วขึ้นไป และมีความละเอียดในระดับ UHD หรือ 4K รวมถึงเป็น Smart TV ด้วย ดังนั้นหลากหลายแบรนด์จึงส่งรุ่นที่มีนวัตกรรมระดับสูงออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเปลี่ยนโทรทัศน์
สำหรับ LG เตรียมทำตลาดโทรทัศน์ระดับพรีเมียมทั้งหมด 4 ซีรีส์ แบ่งเป็น 7 รุ่นย่อย ราคาตั้งแต่ 99,000 บาท ถึง 5.99 แสนบาทในรุ่น G7T ขนาด 77 นิ้ว ใช้เทคโนโลยีแสดงภาพชั้นสูงแบบ OLED และการเน้นจำหน่ายรุ่นพรีเมียม ทำให้รายได้ของบริษัทในธุรกิจโทรทัศน์มาจากกลุ่มนี้ถึง 5,000 ล้านบาท เป็นผู้นำของตลาดพรีเมียม จากปีก่อนปิดที่ 3,000 ล้านบาท
ยึดเบอร์ 2 ของภาพรวมด้วยการชิงแชร์คู่แข่ง
อย่างไรก็ตาม LG ในตลาดรวมโทรทัศน์ไทยยังเป็นเบอร์ 2 ของตลาดด้วยรายได้ปีนี้ที่ 8,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งในตลาดนี้ 21% โดยปีนี้เตรียมลงทุน 180 ล้านบาท เพื่อส่งกิจกรรมการตลาดทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงขยายจุดขายโทรทัศน์พรีเมียมเป็น 200 ร้านค้า เพื่อทำให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
สรุป
นวัตกรรมคือเรื่องจำเป็นในยุคปัจจุบัน ยิ่งเป็นสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีก็ยิ่งจำเป็นเข้าไปใหญ่ ดังนั้นจากนี้ไปน่าจะเห็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปรับตัวกันมากขึ้น และอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็คงปรับตัวเพื่อใส่นวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปแทนเช่นเดียวกัน อย่างที่รายงานไปก่อนหน้านี้ว่า Volvo จะเลิกผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปเพียงอย่างเดียวแล้ว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา