LG คาดตลาดแอร์ประเทศไทยปี 2024 แตะ 34,327 ล้านบาท โต 20% เหตุปีนี้อากาศอาจร้อนทะลุ 45 องศา

LG ประเทศไทย คาดการณ์ภาพรวมตลาดแอร์ หรือเครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายในประเทศไทยปี 2024 ที่ 34,327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี 2023 เนื่องจากอากาศหน้าร้อนในไทยปีนี้อาจทะลุ 45 องศาเซลเซียส ส่งเครื่องปรับอากาศซีรีส์ใหม่จับตลาดกลางบน ปั้นยอดขาย 2,600 ล้านบาท โต 30% ขึ้นท็อป 5 ของตลาดนี้

LG

ตลาดเครื่องปรับอากาศฟื้นตัวชัดเจน

อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยปี 2024 จะมีมูลค่าราว 34,327 ล้านบาท เติบโต 20% จากปี 2023 โดยมีสัดส่วนเป็นเครื่องปรับอากาศ Inverter 77% แสดงให้เห็นถึงผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดไฟ

“ตลาดเครื่องปรับอากาศฟื้นตัวจากช่วงโรคโควิด-19 ที่หดตัวต่อเนื่อง โดยมูลค่า 34,327 ล้านบาท ในปี 2024 แซงยอดขายปี 2020 ที่ทำได้ 20,929 ล้านบาท ไปแล้ว โดยการฟื้นตัวนั้นมาจากอากาศที่ร้อนขึ้น, การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้น และการให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยีก็มีส่วนเช่นกัน”

สำหรับสภาพอากาศช่วงหน้าร้อน หรือระหว่างเดือน มี.ค. – มิ.ย. 2024 อาจมีอุณหภูมิสูงสุด 45.4 องศาเซลเซียส ถือว่าค่อนข้างสูง และกลายเป็นโอกาสในการทำตลาดเครื่องปรับอากาศของทุกแบรนด์ โดยช่วงฤดูร้อนนั้นคิดเป็นสัดส่วนการซื้อเครื่องปรับอากาศของยอดขายตลาดทั้งปีถึง 70%

LG

LG ส่ง 7 ซีรีส์ใหม่ ดึงลูกค้าเก่าใหม่ด้วยเทคโนโลยีประหยัดไฟ

ส่วน LG ในปี 2024 เตรียมทำตลาดเครื่องปรับอากาศด้วยการส่ง 7 ซีรีส์ใหม่ เน้นเรื่องเทคโนโลยี และรองรับนโยบายประหยัดไฟเบอร์ 5 มาตรฐานใหม่ เกือบทั้งหมดเป็นเครื่องปรับอากาศระดับกลางบน เช่น รุ่น Dual Cool Elite ที่เริ่มต้นขนาด 13,000 BTU ราคา 39,000 บาท ราคาสูงกว่าขนาด 13,000 BTU ทั่วไปเกือบเท่าตัว

“ปี 2023 LG เป็นอันดับที่ 8 ของตลาดเครื่องปรับอากาศ ผ่านส่วนแบ่ง 5.7% แต่จากการปรับปรุงไลน์ผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำตลาดผ่านช่องทางหลากหลาย จะทำให้เราขึ้นไปติด 1 ใน 5 ผ่านส่วนแบ่งตลาด 7.5% และมียอดขาย 2,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่อยู่ราว 2,000 ล้านบาท”

แบรนด์ที่กินส่วนแบ่งในตลาดเครื่องปรับอากาศเป็นอันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาดที่ 15% ส่วนอันดับที่ 2 อยู่ราว 10% ส่วนที่เหลือมีส่วนแบ่งค่อนข้างใกล้เคียงกัน และสินค้าเครื่องปรับอากาศปัจจุบันมีใช้งานใน 34% ของครัวเรือนไทยทั้งหมด โดยการแข่งขันหากเป็นกลุ่มระดับเริ่มต้นจะเน้นเรื่องราคา ส่วนระดับกลางบนจะเน้นเรื่องเทคโนโลยี

LG

อัดงบการตลาด 200 ล้านบาท ปั้นยอดขาย

สำหรับเครื่องปรับอากาศของ LG มียอดจำหน่ายจากช่องทางดั้งเดิม หรือร้านที่จำหน่ายเครื่องปรับอากาศโดยเฉพาะเป็นหลัก รองลงมาเป็นช่องทางโมเดิร์นเทรด 35% และช่องทางออนไลน์อยู่ราว 10% ต่างกับเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นที่ช่องทางออนไลน์จะกินสัดส่วน 20% และช่องทางโมเดิร์นเทรดจะเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน LG ใช้งบการตลาดราว 200 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์ รวมถึงเพิ่มกำลังผลิตในช่วงฤดูร้อน และเพิ่มจำนวนพนักงานขายเช่นกัน โดยยอดขายเครื่องปรับอากาศมาจากกลุ่มเครื่องปรับอากาศใช้ในบ้าน 85% ที่เหลือเป็นเครื่องปรับอากาศเพื่อการพาณิชย์

LG มีโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายทั้งในไทย และส่งออกไปต่างประเทศ โดยกลุ่มเครื่องปรับอากาศมีกำลังผลิตที่ 2 ล้านเครื่อง/ปี และหลังจากนี้มีแผนเพิ่มกำลังผลิตเช่นกัน แต่ไม่สามารถเปิดเผยงบลงทุน และอัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้

LG LG

ภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้ายังเติบโตเช่นกัน

อำนาจ เสริมว่า สำหรับภาพรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย หากจับตัวเลขตามสินค้าที่ LG จำหน่ายจะพบว่า ปี 2023 ตลาดนี้มีมูลค่า 80,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโทรทัศน์, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ และปี 2024 จะเติบโตในอัตราตัวเลขสองหลัก ผ่านปัจจัย เช่น เศรษฐกิจฟื้นตัว และนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ

“LG ต้องการเติบโต 10% ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เพราะโทรทัศน์ก็มีฟุตบอลยูโรช่วย และเครื่องซักผ้าเราเป็นอันดับ 1 ตลอด 30 ปี จนเพิ่งไปรุกตลาดร้านสะดวก ส่วนตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศ ก็ค่อนข้างแข่งขันได้ ดังนั้นปี 2024 LG ยังแข็งแกร่งในตลาดนี้เช่นเดิม”

หากเจาะไปที่รายได้ของ LG ในปี 2024 คาดการณ์ที่ 13,500 ล้านบาท เติบโตกว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กน้อย โดยรายได้หลักมาจากเครื่องซักผ้า 42% รองลงมาเป็นโทรทัศน์ 30% และเครื่องปรับอากาศ กับตู้เย็นมีส่วนแบ่งรายได้ใกล้เคียงกัน

LG

อ้างอิง // LG

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา