แม้ร้อนช้าแต่แอร์ยังโต 6% LG ปูพรม 7 รุ่นใหม่ พร้อมทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท ขอขึ้นท็อป 5 ปีนี้

LG มองตลาดเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ ในประเทศไทยจะเติบโต 6% มีมูลค่า 34,567 ล้านบาท เหตุถึงรอบการเปลี่ยนเครื่อง และนวัตกรรมใหม่ช่วยประหยัดไฟกว่าเดิม เตรียมเปิดตัว 7 รุ่นใหม่ มี AI เป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมทุ่มงบการตลาด 100 ล้านบาท สื่อสารทุกช่องทาง ปรับกลยุทธ์ทีมบริหาร ดันแชร์ขึ้นท็อป 5 ตลาด

LG

เครื่องปรับอากาศไทยปี 2025 ยังโต

อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า แม้ภาพรวมสภาพอากาศในประเทศไทยปี 2025 ช่วงต้นปีจะยังมีอากาศที่ค่อนข้างเย็น และมีแนวโน้มร้อนช้ากว่าที่ควรจะเป็น แต่ถึงอย่างไรตลาดเครื่องปรับอากาศในไทยยังเติบโตได้

สำหรับมูลค่าตลาดของเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยอยู่ที่ 34,567 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปี 2024 และเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่มีการเติบโต โดยตลาดเครื่องปรับอากาศนั้นขับเคลื่อนด้วยเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ถึง 80% ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องปรับอากาศแบบระบบเดิม หรือ On/Off

นอกจากเทคโนโลยีใหม่ ตลาดเครื่องปรับอากาศในปี 2025 ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น Easy e-Reciept รวมถึงการเกิดขึ้นของที่พักอาศัยใหม่ และอัตราการครอบครองเครื่องปรับอากาศในประเทศไทยยังอยู่เพียง 43-44% ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ จึงเป็นอีกโอกาสในการขาย

LG
อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ปูพรม 7 รุ่นใหม่ดันยอดขายเติบโต

ส่วน LG ในการทำตลาดเครื่องปรับอากาศกลุ่มครัวเรือนทั่วไปในปี 2025 จะทำการเปิดตัว 7 รุ่นใหม่ ครอบคลุมทุกระดับ BTU และมีระบบ AI เข้ามาเป็นหนึ่งในจุดขาย ซึ่งการเปิดตัว 7 รุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับเป้าหมายยอดขาย 1.54 แสนเครื่อง เติบโต 30% เมื่อเทียบกับปี 2024

การไปถึงเป้าหมายดังกล่าว LG ทุ่มงบการตลาดราว 100 ล้านบาท เพื่อสื่อสารการตลาดทุกช่องทาง เช่น ป้ายโฆษณาทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด, ภาพยนตร์โฆษณา รวมถึงสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ ควบคู่กับการใช้ เจฟ ชาเตอร์ เป็นพรีเซนเตอร์ในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่เช่นกัน

“งบประมาณ 100 ล้านบาท ไม่รวมกับงบเกี่ยวกับการทำโปรโมชันต่าง ๆ แสดงให้เห็นว่าปีนี้เราเอาจริง และตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็น 5 อันดับแรกของแบรนด์เครื่องปรับอากาศให้ได้ หรือมีส่วนแบ่งตลาดอย่างน้อย 8% จากปัจจุบันอยู่ราว 5-6% โดยมีจุดขายกว่า 900 แห่งทั่วประเทศเป็นตัวช่วยอีกแรง”

เครื่องปรับอากาศ

การแข่งขันที่แปลกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น

กลุ่มเครื่องปรับอากาศมีสภาพการแข่งขันที่ค่อนข้างแตกต่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ที่ตลาดดังกล่าวจะมี 2 แบรนด์ใหญ่ครองตลาดนี้รวมกัน 50% ส่วนเครื่องปรับอากาศจะมีแบรนด์อันดับ 1 มีส่วนแบ่งตลาดราว 10% ส่วนอันดับที่ 2-5 จะมีส่วนแบ่งใกล้กันที่ 7-9%

เมื่อตลาดมีความแตกต่าง ทำให้ LG มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การบริหารงานผ่านการตั้งทีมเฉพาะสินค้า หรือทีมเครื่องปรับอากาศ, โทรทัศน์ และเครื่องซักผ้า เพื่อให้แต่ละทีมโฟกัสในการทำตลาดของสินค้าตัวเองมากขึ้น และกลยุทธ์ดังกล่าวเป็นนโยบายจากบริษัทแม่ที่มีการปรับแผนมาก่อนหน้านี้

“การที่เครื่องปรับอากาศเหมือนเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขายตามฤดูกาล และทำให้ทีมที่รับผิดชอบสินค้านี้อาจทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่จริง ๆ แล้ว เมื่อมีทีมเฉพาะย่อมทำให้การขับเคลื่อนกลุ่มสินค้าเครื่องปรับอากาศ และสินค้าอื่น ๆ ทำได้จริงจัง และต่อเนื่องกว่าเดิมมากกว่า”

เครื่องปรับอากาศ

ดันเครื่องปรับอากาศกินสัดส่วนรายได้มากขึ้น

อำนาจ ย้ำว่า LG ยังแข็งแกร่งในกลุ่มเครื่องซักผ้า ผ่านการเป็นเบอร์ 1 ของตลาดในประเทศไทยนานกว่า 20 ปี แต่หลังจากนี้กลุ่มเครื่องปรับอากาศจะทยอยเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทมากขึ้น จากเดิมคิดเป็น 20% จากทั้งหมด เป็นรองเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (HA) ที่อยู่ 50% และความบันเทิงภายในบ้าน (HE) 30%

ปี 2025 LG ตั้งเป้ายอดขายในประเทศไทยที่ 17,500 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2024 และมีโอกาสไปถึงเป้าหมายดังกล่าวผ่านปัจจัยบวกข้างต้น รวมถึงการโฟกัสกลุ่มสินค้าระดับกลางถึงบน ซึ่งผู้ซื้อสินค้ากลุ่มนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และภาวะหนี้ครัวเรือนมากนัก

ทั้งหมดนี้ LG ตั้งเป้าปี 2025 จะเพิ่มสินค้าที่มีเทคโนโลยี AI เป็น 40% จากเดิมที่มีเพียงประมาณ 20% นอกจากนี้จะทำตลาดกลุ่มสินค้าเพื่อการพาณิชย์มากขึ้น เช่น กลุ่มเครื่องปรับอากาศที่จะมียอดขายเพิ่มขึ้นถึงเท่าตัว ผ่านสินค้าที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็ก จนถึงองค์กรขนาดใหญ่

เครื่องปรับอากาศ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา