เศรษฐา นายกฯ เซลส์แมน อยากแก้ปัญหาเมียนมา-คงไว้ซึ่ง ม.112-ขอเป็นกลางรัสเซีย-ยูเครน

เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ของไทยที่ TIME ขนานนามให้เป็นเซลส์แมน

อ่านบทสนทนา 5 เรื่องสำคัญที่สะท้อนภาพเซลส์แมนของผู้นำไทย มีอะไรบ้าง?
1. ยืนยันไม่เลือกข้างในสงครามรัสเซีย-ยูเครน
2. มาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพยังมีต่อไป
3. อยากแก้ปัญหาสงครามกลางเมืองในเมียนมา
4. ยืนหยัด เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย (คนเดียว)
5. รักหงส์แดง

Srettha Thavisin

บทสัมภาษณ์จาก TIME นิตยสารชื่อดังระดับโลกนี้ เผยแพร่เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2024 ที่ผ่านมา เมื่อเวลา 19.00 น. โดย TIME เกริ่นนำด้วยเรื่องราวที่ผู้นำไทยได้พาดพิงถึงประเทศสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น

ในกรณีที่ Taylor Swift ไม่มาไทยเพราะสิงคโปร์ทำข้อตกลงพิเศษไว้ด้วยเงินอุดหนุนกว่า 500 ล้านบาท แม้สิงคโปร์จะออกมายอมรับว่ามีดีลพิเศษจริง แต่ไม่ได้ระบุจำนวนเงินว่าใช้จ่ายไปเท่าใด ขณะเดียวกัน นายกฯ สิงคโปร์ Lee Hsien Loong ก็ออกมายืนยันว่า มีดีลพิเศษจริง แต่ไม่ได้ห้าม Taylor สักหน่อยว่าไม่ให้ไปจัดที่อื่น

เรื่องนี้ TIME เริ่มต้นด้วยการจั่วหัวว่า เศรษฐา ทวีสินไม่ได้โกรธ Taylor Swift นักร้องสาวชื่อดังระดับโลกที่เป็นทั้งบุคคลแห่งปีที่ TIME ยกย่องและยังเป็นเจ้าของรางวัลแกรมมี่ 14 รางวัล แถมสร้างเม็ดเงินมหาศาลจากทัวร์คอนเสิร์ตให้กับหลากหลายประเทศที่เธอไปโชว์การแสดง ยืนยันว่า เศรษฐาไม่ได้ไม่พอใจ Taylor ที่เธอไม่ยอมมาเล่นคอนเสิร์ตในไทย และไม่ได้โกรธสิงคโปร์ด้วย แต่เขาก็อาจจะน้อยใจนิดหน่อยที่ไทยพลาดโอกาสงามๆ นี้

เศรษฐากล่าวกับ TIME ว่า สิงคโปร์ฉลาดมาก เขาก็อยากทำแบบนี้เหมือนกันและเขาก็เชื่อว่าประเทศไทยมีอะไรมากมายที่พร้อมจะเสนอให้นักร้องชื่อดังระดับ A-List นี้ ไม่จำกัดแค่เฉพาะ Taylor เท่านั้น ซึ่งตัวเขาเองในฐานะผู้นำประเทศก็เยือนต่างประเทศมาแล้วสิบกว่าครั้งเพื่อดึงดูดต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย

TIME ระบุว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เศรษฐาครอบครองอยู่นั้น ก็เพราะว่าพรรคเพื่อไทยแม้จะคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 2 แต่เพราะการสกัดกั้นจากสมาชิกวุฒิสภาทำให้ในที่สุดพรรคก้าวไกล (ที่น่าจะได้เป็นรัฐบาลเพราะชนะเสียงเลือกตั้งอันดับ 1) ต้องหลุดไปเป็นพรรคฝ่ายค้านแทน

5 ประเด็นที่ TIME ให้ความสำคัญ

หนึ่ง ไม่เลือกข้างในสงครามรัสเซีย – ยูเครน

ประเด็นนี้ TIME เล่าว่า เศรษฐาเลือกที่จะอยู่อย่าง “เป็นกลาง” (ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด) กรณีนี้ เศรษฐาเลือกที่จะให้ชุดคำอธิบายที่ปกป้องตัวเอง หลังจากที่เขาตัดสินใจเชื้อเชิญประธานาธิบดี Vladimir Putin (ผู้เริ่มก่อสงครามรุกรานยูเครน และยังทำสงครามยืดเยื้อจนถึงปัจจุบัน) ว่า การที่เขาเชิญผู้นำรัสเซียมาไทยเมื่อครั้งที่ทั้งสอง (ปูตินและเศรษฐา) พบปะกันที่ปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมานั้น

เศรษฐา ระบุว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศ เราไม่สนับสนุนความรุนแรง เรายึดมั่นตามกฎหมายระหว่างประเทศ เรายืนหยัดเคียงข้างสันติภาพเพราะเราเชื่อว่า ชุมชนระหว่างประเทศต้องแบ่งปันสันติภาพเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน สถานการณ์ในยูเครนทำให้โลกต้องเปลี่ยนไปสู่การแบ่งขั้ว กดดันหลายประเทศรวมทั้งไทยให้ต้องเลือกข้าง

นี่ไม่ใช่หนทางที่เป็นประโยชน์ที่จะส่งเสริมให้เกิดสันติภาพและความมั่นคง ไทยเชื่อว่า หนทางข้างหน้าคือการร่วมมือกันระหว่างประเทศ ทำให้ความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคีแข็งแกร่งมากกว่าการแบ่งแยกโลกออกเป็นฝักเป็นฝ่าย

สอง ข้อถกเถียงจากกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพยังคงมีอยู่ต่อไป

TIME ระบุว่า เศรษฐามีจุดยืนที่จงรักภักดี ปกป้องกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทยหรือที่รู้จักกันว่าเป็นกฎหมายมาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี ถือว่าเป็นกฎหมายที่รุนแรงที่สุดในโลก นับตั้งแต่พฤศจิกายน ปี 2020 มีประชาชนที่ทำกิจกรรมชุมนุมเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตย รวมทั้งผู้ที่แสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มถูกตั้งข้อหามาตรา 112 กว่า 200 คน ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้หญิงวัย 14 ปี ไปจนถึงอดีตข้าราชการวัย 87 ปี

เศรษฐากล่าวว่า กฎหมายทั้งหมดในประเทศไทยควรได้รับความเคารพและบังคับใช้อย่างเท่าเทียม รวมทั้งมาตรา 112 ซึ่งเป็นมาตราหนึ่งในประมวลกฎหมายอาญา การตัดสินความบริสุทธิ์รวมทั้งผู้กระทำผิดดำเนินโดยฝ่ายตุลาการ ทุกคนมีสิทธิเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในฐานะที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาก็ไม่ควรที่จะแทรกแซงฝ่ายตุลาการ

สาม เศรษฐาต้องการแก้ปัญหาสงครามกลางเมืองในเมียนมา

เศรษฐา ทวีสินให้คำมั่นว่าจะพยายามรักษาสันติภาพในเมียนมาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกของไทย ซึ่งในอดีตรู้จักกันดีในชื่อว่า “พม่า” ปัจจจุบันได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองจากรัฐประหารนองเลือดนับตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ ปี 2021 ที่ผ่านมา โดยอาเซียนยินดีที่ประเทศไทยจะรับบทนำในเรื่องการนำสันติภาพคืนสู่ประเทศเพื่อนบ้านนี้

เขาเชื่อว่า เร็วๆ นี้เราจะสามารถหาทางออกที่สร้างสันติภาพและสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้กับเมียนมาได้ ในขณะเดียวกัน การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมข้ามพรมแดนก็เป็นสิ่งที่เราต้องดูแล นอกจากประเด็นด้านมนุษยธรรมแล้ว เศรษฐามองว่า สันติภาพจะส่งผลดีต่อการทำธุรกิจ ในอาเซียนมีประชากรประมาณ 650 ล้านคน ชาวเมียนมานับเป็น 10% ของทั้งหมด พูดง่ายๆ ก็คือ พวกเขา (เมียนมา) ไม่ใช่สมาชิกที่สร้างผลิตภาพในภูมิภาคมากนัก ดังนั้น ถ้าเมียนมาสงบสุขและมีเอกภาพ จะช่วยดึงศักยภาพโดยรวมของภูมิภาคได้ดีกว่า

สี่ ยืนยันว่าตอนนี้ เศรษฐาคือนายกฯ

TIME ระบุว่า เศรษฐาได้รับการยืนยันว่าเป็นนายกรัฐมนตรีวันเดียวกับที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้นำและผู้ก่อตั้งพรรคเพื่อไทยได้กลับมายังประเทศไทยแล้ว หลังจากที่ลี้ภัยยาวนาน 15 ปี ผู้ที่ถูกโค่นล้มจากระบอบรัฐประหารในปี 2006 และถูกตัดสินฐานคอร์รัปชันและใช้อำนาจโดยมิชอบ TIME รายงานว่าทักษิณถูกจับกุมที่สนามบินและถูกย้ายจากห้องขังไปยังโรงพยาบาลเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ รวมทั้งได้รับการเข้าเกณฑ์พักโทษกรณีพิเศษ

ความเข้าใจตรงกันของคนทั่วไปก็คือ เศรษฐา ทวีสิน คือแคนดิเดตนายกฯ ที่มีท่าทีประนีประนอมทั้งต่อทักษิณ ชินวัตร ระบอบทหารรวมทั้งสถาบันกษัตริย์ ในขณะที่พรรคก้าวไกลถูกมองว่าเป็นภัยคุกคาม เศรษฐาได้เปิดเผยว่า เขาได้โทรศัพท์หาทักษิณ หลังจากที่ได้รับการปล่อยตัวและเขายินดีที่จะรับฟังคำแนะนำจากอดีตนายกรัฐมนตรี เศรษฐายืนยันว่าเป็นสถานการณ์ที่เขาสามารถควบคุมได้

อย่างไรก็ดี ลูกสาวคนเล็กของอดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตรก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรคและผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย เศรษฐาถูกมองว่าอนาคตทางการเมืองอาจจะสิ้นสุดในไม่ช้า ประเด็นนี้เศรษฐาแสดงท่าทีไม่สนใจและระบุว่า แพทองธารเป็นหญิงสาวที่มีความทะเยอทะยานและมีความสามารถมาก เขามั่นใจว่าวันหนึ่งเธอจะลงสมัครในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่สำหรับสี่ปีข้างหน้านี้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็ยังเป็นของเขาอยู่

ห้า แฟนพันธุ์แท้ หงส์แดง ลิเวอร์พูล

เศรษฐาเปิดเผยว่าเขาเป็นแฟนคลับหงส์แดง เขาไม่รู้สึกกังวลมากนัก แม้ว่า Jürgen Klopp กำลังจะจากไป เพราะเขาคว้าความสำเร็จอย่างงดงามให้กับทีมอย่างมาก เขามองว่า Jürgen น่าจะอิ่มตัวแล้ว ถ้าอยู่ต่อ ก็อาจจะได้รับผลลัพธ์แบบเดิมๆ สิ่งที่เขากังวลมากกว่านั้นก็คือ การเปลี่ยนผ่าน Sadio, Roberto และ Salah รวมทั้งนักเตะรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้ามามากกว่า

ที่มา – TIME

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา