สิงคโปร์เป็นประเทศที่แต่ละครัวเรือนมีคนอยู่น้อยมาก หรือ 1-2 คนเท่านั้น ซึ่งคนเหล่านี้ก็ต่างทำงานในช่วงเวลากลางวัน ทำให้เวลาจะสั่งซื้อสินค้า Online ก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะให้มาส่งเมื่อไร แต่ปัญหาเหล่านี้จะไม่มีอีกแล้ว
จับมือระหว่าง 3 พาร์ทเนอร์สุดแข็งแกร่ง
ปัญหาการส่งสินค้าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสุดๆ ทั้งฝั่งผู้บริโภค รวมถึงฝั่งผู้ส่งสินค้า เพราะกลุ่มแรกก็ไม่รู้ว่าจะให้สินค้ามาส่งถึงมือตอนไหนดี ส่วนฝั่งผู้ส่งก็อยากส่งให้ถึงมือเร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องวนไปวนมาหลายๆ รอบ แต่เมื่อคนที่สั่งซื้อสินค้าไม่อยู่บ้านในวันธรรมดา ก็ทำให้หลายฝ่ายต้องหาพื้นที่ตรงกลางเพื่อรับส่งสินค้า
นั่นจึงเป็นที่มาของการเจรจาธุรกิจระหว่าง Lazada ยักษ์ใหญ่ในโลก E-Commerce, Ninja Van ธุรกิจรับส่งพัสดุในสิงคโปร์ และร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เพื่อให้บริการจุดรับ-ส่งพัสดุในร้านสะดวกซื้อดังกล่าว ทำให้ผู้ส่งก็สามารถส่งได้ถึงที่หมายแน่นอน รวมถึงฝั่งผู้รับก็สามารถมารับในเวลาที่ตัวเองต้องการได้
Ray Chou หัวหน้าประจำประเทศสิงคโปร์ของ Ninja Van เล่าให้ฟังว่า การมีจุด Drop-off ทำให้ทุกฝ่ายสะดวกกว่าเดิม เบื้องต้นจะให้บริการใน 7-Eleven ทั้งหมด 159 สาขา จากนั้นจะขยายให้ครบ 350 สาขาในสิงคโปร์ แต่เพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ ทำให้ตัวพัสดุที่ส่งต้องมีขนาดไม่เกิน 80x80x80 ซม. และหนักน้อยกว่า 5 กก.
อย่างไรก็ตามการสั่งซื้อสินค้าบน Lazada และให้ส่งมาที่จุดที่ต้องการ จะต้องเสียค่าบริการขนส่งสูงสุด 2.99 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 70 บาท) แต่การเลือกให้ส่งสินค้าไปที่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven จะไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด
สรุป
แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกของสิงคโปร์ที่มีบริการจัดส่งสินค้าไปที่อื่น เช่นตู้ล็อคเกอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้อ เพราะทั้ง Ninja Van เอง รวมถึงไปรษณีย์สิงคโปร์ก็เคยให้บริการนี้แล้ว แต่การไปร่วมมือกับร้านสะดวกซื้อที่มีสาขามากขนาดนี้ ก็ช่วยปลดล็อคการส่งสินค้าไปได้มากพอสมควร และมันอาจเป็นกลยุทธ์ใหม่ในการทำธุรกิจก็ได้
อ้างอิง // Tech in Asia
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา