เบื่อไหมที่ต้องอยู่คนเดียวเหงาๆ จนอยากส่งข้อความหาฟ้าว่า โปรดส่งใครมารักฉันที
แต่สำหรับ Gen Z ความโสดไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะพวกเขาได้คิดค้นนิยามใหม่ให้กับ ‘Lavender Marriage’ แล้ว
เดิมที คำๆ นี้ถูกใช้กับ LGBTQ+ ที่แต่งงานกับเพศตรงข้ามแบบแกล้งๆ เพื่อปิดบังไม่ให้สังคมและคนรอบข้างรู้ตัวตนทางเพศ
ปัจจุบัน นิยามของ Lavender Marriage ถูกตีความขึ้นมาใหม่ ให้หมายถึงการแต่งงานแค่ในนาม เพื่อแบ่งเบาภาระ ความเหงา ทั้งยังไม่ต้องผูกมัดใดๆ และจะเกิดขึ้นกับเพศไหนก็ได้
ดูเหมือนว่าความหมายใหม่จะถูกใจ Gen Z เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเหนื่อยที่จะต้องมานั่งเงียบเหงากระเป๋าตังค์หด ซึ่งแฮชแท็ก #lavendermarriage บน TikTok ก็มียอดวิวนับล้านเลยทีเดียว
ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ แต่มีความสุขจริง แถมลดรายจ่ายได้ด้วย
บางคนอาจมองว่า Lavender Marriage ไม่ต่างจากการมีรูมเมทเลย เพราะทั้งสองคนก็แค่มาใช้ชีวิตใต้ชายคาเดียวกัน โดยไม่มีเซ็กซ์
แต่จริงๆ แล้วมันลึกยิ่งกว่านั้น เนื่องจากทั้งคู่ต้องอยู่ด้วยความซื่อสัตย์ ประนีประนอม และพร้อมฝ่าฟันทุกปัญหา ภายใต้กรอบของการไม่เลยเถิด
นักจิตวิทยาเผยว่า Lavender Marriage เป็นทางออกที่ดีสำหรับคนที่อยากแบ่งเบาภาระในชีวิต โดยเฉพาะกับ Gen Z ผู้มีค่าใช้จ่ายด้านที่พักและค่าประกันรถยนต์มากกว่า Gen Y ถึง 31% และ 46% ตามลำดับ
ความสัมพันธ์แบบนี้จะเข้ามาช่วยบรรเทาความเครียดทางการเงิน ในขณะที่ตนเองยังสามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระได้ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็มาช่วยแชร์ค่าใช้จ่ายกันและกัน
ยิ่งไปกว่านั้น นักเพศวิทยาอธิบายว่า Lavender Marriage ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยไม่ต่างจากคู่สมรสทั่วไป แถมยังมีคนคอยให้กอดหรือซัพพอร์ตในยามที่ต้องการด้วย
นอกจาก Gen Z แล้ว คนที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนก็เห็นตรงกันว่า Lavender Marriage ทำให้พวกเขามีความสุขมากขึ้นจริงๆ
แอปฯ หาคู่ไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป
ธุรกิจจัดหาคู่เคยเป็นที่นิยมมาก โดยในปี 2023 บรรดาบริษัท รวมถึงแพลตฟอร์มหาคู่ต่างๆ สามารถทำรายได้กว่า 1.6 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปี 2024 ธุรกิจการหาคู่กำลังถดถอยลง เนื่องจาก Gen Z มองว่าแอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่สนุกอีกต่อไป และหลายๆ คนเบื่อแล้วที่ต้องเจอแต่คนดองแชทหรือคนไม่ตรงปก
ในทางกลับกัน Lavender Marriage ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากกว่า โดยสาว Gen Z คนหนึ่งมองว่า มันคือความสัมพันธ์ที่ผู้หญิงไม่ต้องมานั่งระแวงว่าตนจะโดนทำร้ายร่างกายเมื่อไหร่ ทั้งยังเป็นการละเว้นบทบาททางเพศและค่านิยมชายเป็นใหญ่ออกไปด้วย
ขอบเขตในความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญ
แม้ว่า Lavender Marriage จะน่าลองขนาดไหน แต่มันก็มีความท้าทายซ่อนอยู่
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า คนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้อาจสับสนในความรู้สึก เพราะตามหลักแล้ว ทั้งสองคนยังเป็นคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันทุกวัน
ต่อให้เราจะมีนิยามใหม่ให้กับ Lavender Marriage แต่ก็ไม่มีใครมานั่งชี้ว่ากฎของมันคืออะไร คนในความสัมพันธ์สามารถทำอะไรได้บ้าง หรือการกระทำไหนเข้าข่ายการนอกใจกันแน่
เป็นเรื่องจริงที่ความสัมพันธ์นี้ให้อิสระแก่ทั้งสองฝ่าย ทว่า อย่างที่บอกไปคือความรู้สึกอาจซับซ้อนกว่านั้น และหากคุณเผลอไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนอื่น จนคู่ตนเองรู้สึกน้อยใจล่ะก็ อาจมีปัญหาตามมาทีหลังได้
ดังนั้น การตกลงเรื่องขอบเขตความสัมพันธ์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำตั้งแต่แรก ทั้งนี้ มันไม่การันตีว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันตลอดรอดฝั่ง เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเผลอคิดเกินเลยขึ้นมา ความสัมพันธ์อาจต้องจบลง
สุดท้ายแล้ว Lavender Marriage ก็ไม่สามารถปกป้องเราจากการอกหักได้อยู่ดี
แหล่งที่มา: Business Insider
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา