เจาะลึกธุรกิจร้านสะดวกซัก LaundryBar ธุรกิจจากปัจจัย 4 ที่มาแรง ไม่ต้องใช้พนักงาน ไม่ต้องเก็บสต็อก เกิดมาเพื่อแก้ Pain Point การซักผ้าของคน
เชื่อว่าตอนนี้หากขับรถผ่านย่านชุมชนโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มีผู้อาศัยอยู่อย่างหนาแน่น สิ่งที่เรามักเห็นกันอย่างแพร่หลาย คือ ร้านสะดวกซัก ที่เริ่มเข้ามาทดแทนร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญแบบเดิมที่เราเคยชิน
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ทำไมร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญจึงหายไป แล้วมีร้านสะดวกซักเข้ามาทดแทน Brand Inside จะพาไปหาคำตอบกันในบทความเจาะลึกนี้
ร้านสะดวกซัก หนึ่งในการทำธุรกิจที่อิงกับปัจจัย 4 ในการใช้ชีวิตของคน นั่นคือ การทำความสะอาดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ไม่ว่าอย่างไร ใครๆ ก็ต้องซักผ้ากันทั้งนั้น แต่ด้วยวิถีชีวิตในยุคปัจจุบันที่คนเร่งรีบ การซักผ้า ตากผ้าซึ่งต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงกลายเป็นกิจกรรมที่ไม่มีใครอยากทำ
การซักผ้า ตากผ้าที่ใช้เวลานานนี้เอง กลายเป็น Pain Point สำคัญของคนทั่วไปที่อยากมองหาวิธีการซักผ้า ตากผ้าที่รวดเร็วกว่าเดิม ซึ่งร้านสะดวกซักกลายเป็นธุรกิจที่แก้ Pain Point นี้ได้
Brand Inside ได้มีโอกาสคุยกับ พิมลวรรณ ชีวเกรียงไกร ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลอนดรี้บาร์ ไทย จำกัด ถึงตลาดของร้านสะดวกซักที่กำลังเติบโตในประเทศไทย แม้ในยุคที่โควิด-19 ระบาดก็ตาม
ร้านสะดวกซักเหมือนร้านสะดวกซื้อ ที่เกิดมาเพื่อแทนร้านโชห่วยแบบเดิม
พิมลวรรณ ได้เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ร้านสะดวกซักอย่าง LaundryBar ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เป็นเพราะคนในปัจจุบันมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ชอบอยู่บ้าน เครื่องซักผ้าที่ใช้กันตามบ้านใช้เวลานานในการซัก รวมตากแล้วอาจต้องใช้เวลานานถึง 5 ชั่วโมง ในขณะที่ร้านสะดวกซักใช้เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม สามารถซัก และอบผ้าได้ในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และสะดวกสบาย ทำให้ร้านสะดวกซักสามารถเติบโตได้ดีในยุคนี้ ในขณะที่ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่เราเคยเห็นกันอย่างชินตามานานหลายสิบปีเริ่มหายไป เพราะเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญใช้เครื่องซักผ้าที่ใช้กันตามบ้าน ทำให้ไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของระยะเวลาอย่างที่เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรมของร้านสะดวกซักทำได้
แถมร้านสะดวกซักยังมีพื้นที่ให้นั่งรอ มีอินเตอร์เน็ต WiFi ให้ใช้งาน ลูกค้าสามารถนั่งรอผ้าขณะซัก พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วยได้
ใครคือลูกค้าของร้านสะดวกซัก
ลูกค้าของร้านสะดวกซักจะแตกต่างกันไปตามทำเล เช่น ร้านสะดวกซักในแหล่งท่องเที่ยวจะมีลูกค้าเป็นนักท่องเที่ยวแบ็คแพค หรือชาวต่างชาติที่อยู่ระยะยาว คนที่อยู่ในชุมชนแถวนั้น รวมถึงลูกค้า B2B เช่นโรงแรม หรือโฮสเทล ที่ต้องการซักผ้าปูที่นอน หรือผ้านวมก็ได้
ส่วนร้านสะดวกซักที่ตั้งอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา ที่ซักผ้าเฉพาะของตัวเอง และจะมาซักผ้าอาทิตย์ละครั้ง
ร้านสะดวกในไทยซักมาแรงแค่ไหน
เมื่อร้านสะดวกซักตอบโจทย์กับ Pain Point และพฤติกรรมของคนในยุคนี้ ทำให้ร้านสะดวกซักกลายเป็นธุรกิจที่เติบโตได้ดี พิมลวรรณ ให้ข้อมูลว่า ร้านสะดวกซักในประเทศไทยมีมูลค่าราว 2,800 ล้านบาท มีจำนวนสาขารวมกัน 2,200 สาขา และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยในจำนวนนี้เป็นร้านสะดวกซักของ LaundryBar จำนวน 98 สาขา
อีก 5 ปี ตลาดร้านสะดวกซักไทย เทียบเท่ากับมาเลเซียในปัจจุบัน
เทียบให้เห็นภาพกับประเทศมาเลเซีย ที่ปัจจุบันตลาดร้านสะดวกซักมีมูลค่าราว 10,000 ล้านบาทแล้ว และมีจำนวนสาขารวมกัน 8,000 แห่ง ซึ่งในตอนนี้ พิมลวรรณ ให้ข้อมูลที่เห็นภาพว่า “ที่มาเลเซียคนเข้าใจคอนเซ็ปต์ของร้านสะดวกซักเรียบร้อย และใช้บริการในร้านสะดวกซักได้ด้วยตัวเอง” ในขณะที่ในประเทศไทย อาจยังมีคนบางส่วนที่ไม่เข้าใจ และต้องมีการสร้างความเข้าใจถึงคอนเซ็ปต์ของร้านสะดวกซักมากให้ขึ้น ซึ่งจะทำให้ร้านสะดวกซักในไทยเติบโตต่อไปได้อีก
อย่างไรก็ตามปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อร้านสะดวกซักในประเทศไทยมีจำนวนกว่า 2,200 สาขาทั่วประเทศ ทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง มีคนสนใจทำธุรกิจร้านสะดวกซักจำนวนมาก การสร้างความแตกต่างจึงกลายเป็นอีกปัจจัยสำคัญ
ในมุมของ LaundryBar เอง พิมลวรรณ เล่าว่า ความต่างของ LaundryBar กับคู่แข่งร้านสะดวกซักอื่นๆ ในท้องตลาดคือ การเป็นร้านสะดวกซักที่มีระบบจ่ายน้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาฆ่าเชื้อไว้ให้บริการ ลูกค้าที่มาใช้บริการไม่จำเป็นต้องนำมาเอง โดยเฉพาะน้ำยาฆ่าเชื้อที่เป็นปัจจัยสำคัญในยุคโควิด-19 ระบาด
เพราะในมุมหนึ่งเครื่องซักผ้าของร้านสะดวกซักเป็นเครื่องซักผ้าสาธารณะที่ใช้ร่วมกันหลายคน น้ำยาฆ่าเชื้อจึงเป็นเหมือนจุดเด่นที่ LaundryBar มีเหนือคู่แข่ง เพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ลูกค้ากังวลกับเรื่องความสะอาดมากขึ้น นอกจากนี้ LaundryBar ยังมีแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือที่ลูกค้าสามารถเติมเงิน และจ่ายเงินเพื่อซักผ้าได้ผ่านแอป ช่วยลดการสัมผัสได้เป็นอย่างดี
ข้อดีของร้านสะดวกซัก เหนือเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญในมุมคนทำธุรกิจ
นอกจากในมุมของลูกค้า ซึ่งเป็นผู้บริโภคแล้ว ในอีกทางหนึ่งร้านสะดวกซักยังตอบโจทย์คนทำธุรกิจด้วย ซึ่ง พิมลวรรณ ให้ข้อมูลว่า “ร้านสะดวกซักแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ เพราะเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย 4 มีความเสี่ยงต่ำ คืนทุนไว และกำไรสูง ไม่ค่อยแปรผันไปตามเศรษฐกิจ ไม่ต้องใช้พนักงานจำนวนมาก และไม่ต้องแบกภาระเรื่องสต็อกเหมือนธุรกิจอื่นๆ”
ยิ่งถ้าเทียบกับการเปิดร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ร้านสะดวกซักยิ่งมีข้อดีที่มากกว่า “เพราะการซื้อเครื่องซักผ้าที่ใช้ตามบ้านมาติดกล่องหยอดเหรียญไม่ได้ตอบโจทย์การลงทุนในระยะยาว”
เครื่องซักผ้าตามบ้านไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้งานหนัก ต้องปวดหัวเรื่องการซ่อมบำรุง ในขณะที่ร้านสะดวกซักใช้เครื่องซักผ้าอุตสาหกรรม มีความคงทน ตอบโจทย์การลงทุนในระยะยาวมากกว่า ถ้าเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญเสีย เจ้าของร้านต้องดูแลเองทั้งหมด ในขณะที่ร้านสะดวกซักมีคนช่วยดูแล
ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ร้านสะดวกซักก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดย พิมลวรรณ ยอมรับว่ายอดร้านสะดวกซักของ LaundryBar ตกลง 10-30% แล้วแต่ทำเล โดยยอดที่ตกลง 30% นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านสะดวกซักที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่าร้านสะดวกซักยังได้รับประโยชน์ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 เช่นเดียวกัน เพราะการทำร้านสะดวกซักแตกต่างจากการเปิดร้านอาหาร หรือธุรกิจอื่นๆ เนื่องจากไม่ต้องใช้พนักงานจำนวนมาก เจ้าของร้านสามารถดูแลร้านได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องสต็อกสินค้าไว้จำนวนมาก เป็นเหมือนการใช้เครื่องจักรให้ทำงาน และได้ค่าบริการกลับมาเป็นเงินสด ไม่ใช่เครดิต
แถมในช่วงที่โควิด-19 ระบาด คนมีความกังวลกับประเด็นเรื่องความสะอาด มากขึ้น การซักผ้า และอบผ้าด้วยความร้อน กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยม ร้านสะดวกซักจึงได้รับความนิยมท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ระบาด
อยากเปิดร้านสะดวกต้องมีเงินเท่าไหร่ เริ่มจากอะไรดี
หากอยากเปิดร้านสะดวกซักกับ LaundryBar พิมลวรรณ ให้คำแนะนำว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 1.5 ล้านบาท โดย LaundryBar เป็นพาร์ทเนอร์กับธนาคารกรุงเทพ และธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ทำหน้าที่ให้การสนับสนุนเรื่องเงินกู้ รวมถึงยังช่วยหา และวิเคราะห์ทำเล ว่าอยู่ในเกรดใด ช่วยคำนวนจุดคืนทุน ดูสัญญาเช่าพื้นที่ ทำร้าน เปิดร้าน สอนงานทั้งหมดให้กับเจ้าของ รวมถึงทำการตลาดให้ด้วย
สำหรับร้านสะดวกซักของ LaundryBar จะมีด้วยกัน 3 แพคเกจตามระดับราคา คือ Bronze, Silver และ Gold โดยจะสามารถปรับแต่งได้ว่าต้องการเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้าจำนวนกี่เครื่อง ขนาดเล็กหรือใหญ่ ตามทำเลที่เหมาะสม เพราะแต่ละทำเลมีลูกค้าที่ต่างกัน จึงต้องการรูปแบบของเครื่องซักผ้าที่ต่างกันด้วย
สรุป
ตลาดร้านสะดวกซักในประเทศไทยนับว่าน่าจับตามอง จากการเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ Pain Point ของคนในยุคนี้ที่อยากซักผ้า และตากผ้าด้วยความรวดเร็วโดยไม่ต้องรอนานๆ แถมยังเป็นธุรกิจที่อ้างอิงกับปัจจัย 4 ที่ไม่ว่าอย่างไรคนก็ต้องการที่จะทำความสะอาดเสื้อผ้าของตนเอง
แต่อย่างไรก็ตามร้านสะดวกซัก ยังต้องมีการสร้างความเข้าใจให้กับคนไทยอีกหลายคน ที่ยังไม่เข้าใจถึงความแตกต่างกับการซักผ้าโดยใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ หรือแม้แต่การซักผ้าที่บ้าน ซึ่งหากทำความเข้าใจกับคนกลุ่มนี้ได้ อนาคตของร้านสะดวกซักในไทย ก็จะเป็นที่น่าจับตามอง
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา