วิกฤติเศรษฐกิจลาว ทุนสำรองเหลือไม่มากแล้ว ขอจีนปรับโครงสร้างหนี้ แถมยังโดนปรับลดความน่าเชื่อถือ

ลาวเองแม้ว่าจะเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง อย่างไรก็ดีล่าสุดนั้นลาวกำลังพบปัญหาหนี้สินพ้นตัวจากโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางที่จีนมาลงทุนจนกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุด ขณะเดียวกันทุนสำรองระหว่างประเทศก็ลดลงต่ำมาก

Vientiane Laos เวียงจันทน์ ประเทศลาว
ภาพจาก Shutterstock

ลาว ประเทศที่มีอัตราเศรษฐกิจเติบโตไม่น้อยกว่า 5.5% ในช่วงที่ผ่านมา กำลังอาจประสบปัญหาทางการเงินครั้งใหม่ หลังจากล่าสุดทุนสำรองระหว่างประเทศเหลือต่ำกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว ขณะเดียวกันหนี้ก้อนใหญ่ของประเทศที่มาจากการก่อสร้างรถไฟที่เชื่อมกับประเทศจีนที่อยู่ในโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทาง ที่จีนเป็นเจ้าของโครงการกำลังจะทำให้ลาวพบปัญหาครั้งใหม่จนอาจต้องปรับโครงสร้างหนี้กับจีน

สิ่งที่ต้องจับตามองมากที่สุดคือทุนสำรองระหว่างประเทศของลาว จากข้อมูลล่าสุดเหลือต่ำกว่าความสามารถของลาวที่จะจ่ายหนี้ได้ในแต่ละปีแล้ว โดยในปีนี้ลาวจะต้องจ่ายหนี้ให้กับเจ้าหนี้อยู่ประมาณ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้ส่วนหนึ่งที่ลาวจะต้องจ่ายในเดือนกันยายนและตุลาคมนี้คือหนี้ของธนาคารในไทย

ล่าสุดทางบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง Fitch คาดว่าลาวจะมีหนี้อยู่ราวๆ 12,600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 65% ของ GDP ประเทศ และหนี้ก้อนใหญ่สุดมาจากรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (Ėlectricité du Laos) ที่มีหนี้อยู่ราวๆ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนเจ้าหนี้รายใหญ่ของลาวคือประเทศจีน รองลงมาคือไทย ซึ่งแปลว่าลาวอาจต้องปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้

ด้วยหนี้ที่สูงและความสามารถชำระหนี้ต่ำทำให้ Moody’s อีก 1 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ปรับลดความน่าเชื่อถือของลาวลงจาก B3 ลงมาเหลือ Caa2 เท่านั้น เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากเหตุผลที่ว่า ประเทศลาวกำลังจะประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องจากหนี้ที่มีสูงที่จะต้องทยอยจ่ายจนถึงปี 2025 ขณะเดียวกันการกู้ยืมของลาวกำลังพบกับความท้าทายจากสภาพตลาดในขณะนี้ และอาจต้องมีการเจรจากับเจ้าหนี้

ไม่เพียงแค่นั้นล่าสุดรัฐบาลลาวเองต้องขายหุ้นส่วนใหญ่ในกิจการสายส่งไฟฟ้าให้กับ China Southern Power Grid โดยไม่มีการเปิดเผยมูลค่า โดยเป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ขึ้นมาในชื่อ EDL-T โดยรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายมองว่าเป็นความร่วมมือแบบ Win-Win ทางสื่อจีนได้เปิดเผยว่าจะมีการลงทุนในสายส่งในประเทศลาวหลังจากนี้มากถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ดีคาดว่าการขายหุ้นในกิจการสายส่งไฟฟ้าแรงสูงที่มีความสำคัญของประเทศลาวนั้น เป็นเพราะว่าลาวเองกำลังพบปัญหาเรื่องหนี้ที่สูง จึงต้องเฉือนรัฐวิสาหกิจที่มีความสำคัญและราคาดีออกมาขาย

ลาวนั้นกำลังจะกลายเป็น 1 ประเทศที่อยู่ในโครงการ 1 แถบ 1 เส้นทางของจีนที่กำลังอยู่ในสภาวะติดกับดักหนี้ในโครงการนี้ไม่ต่างกับประเทศอื่นๆ เช่น ปากีสถาน ศรีลังกา จิบูติ ฯลฯ ที่มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ แต่ท้ายที่สุดแล้วรัฐบาลประเทศกำลังพัฒนาเหล่านี้กลับไม่สามารถจ่ายหนี้จีนได้

โดย Center for Global Development ซึ่งเป็นองค์กรด้านถังความคิด (Think tank) คาดว่าจะมี 8 ประเทศที่กำลังมีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเป็นหนี้รัฐบาลจีน ซึ่งลาวเองก็อยู่ใน 8 ประเทศนี้

จากบทวิเคราะห์ล่าสุดของ SCB EIC วิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจของลาวปีนี้ GDP จะเติบโตแค่ 0.5% เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดทางการคลังและเสถียรภาพทางด้านต่างประเทศที่น่ากังวลจากปัญหาของ COVID-19 ไม่เพียงแค่นั้นลาวยังมีหนี้ต่างประเทศที่สูงขึ้นสวนทางกับรายได้ของภาครัฐ ส่งผลต่อค่าเงินกีบของลาวที่อ่อนลงส่งผลกดดันทำให้การชำระหนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นสกุลต่างประเทศด้วย

ที่มา – SCMP, Japan Times, Investine

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา