Lamborghini คือแบรนด์ Supercars อันดับต้น ๆ ของโลก โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ และเครื่องยนต์สันดาปภายใน V12 ไม่มีเทอร์โบที่ติดตั้งอยู่ในรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ในอดีตถึงปัจจุบัน
แต่ตอนนี้โลกยานยนต์กำลังหมุนด้วยรถยนต์ไฟฟ้า การที่ Lamborghini จะไม่หมุนตามก็ใช่เรื่อง เพราะข้อกฎหมาย และผู้บริโภคต่างมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าเดิม
แผนของการทำตลาดหลังจากนี้ของ Lamborghini มีรายละเอียดอย่างไร และตลาดอาเซียนสำคัญกับบริษัทขนาดไหน ลองมาฟังจากปาก ฟรานเชสโก้ สกาดาโอนิ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Lamborghini ดังนี้
รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตของ Lamborgini
ฟรานเชสโก้ สกาดาโอนิ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของ Lamborghini เล่าให้ฟังว่า ภายในปี 2028 ทาง Lamborghini จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก หลังจากเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Plug-in Hybird รุ่นแรกในชื่อ Revuelto เดือน มี.ค. 2023 และเข้ามาเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการปลายเดือน ก.ค. 2023
“การทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนมาจากการให้ความสำคัญเรื่องมลพิษต่าง ๆ ล้อไปกับกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่ภาพรวมตลาดรถยนต์กำลังเดินหน้าไปในทิศทางนี้ ทำให้ Lamborghini ตัดสินใจเริ่มต้นด้วย Plug-in Hybrid ก่อน และหลังจากนั้นจะตามด้วยรถยนต์ไฟฟ้าล้วน”
เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนว่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนของ Lamborghini จะมีชื่อรุ่นอะไร และมีสมรรถนะดีแค่ไหน แต่ ฟรานเชสโก้ สกาดาโอนิ ยืนยันว่า ตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นใหม่จะมาพร้อมกับห้องโดยสารรูปแบบ 2+2 หรือมีเบาะคู่หน้าขนาดใหญ่ กับเบาะคู่หลังขนาดเล็ก
เจาะลึก Revuelto ที่คงความเป็น V12 ไว้เต็มที่
หากเจาะไปที่จุดเริ่มต้นของการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของ Lamborghini รุ่น Revuelto จะมากับเครื่องยนต์ Plug-in Hybrid ที่จับคู่ระหว่างเครื่องยนต์ V12 ไร้ระบบอัดอากาศ กับมอเตอร์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง 3 ตัว ให้พละกำลังสูงสุด 1,015 แรงม้า
ทั้งเป็น Supercars รุ่นแรกที่ใช้โครงสร้างส่วนหน้าเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ 100% ทำให้มีน้ำหนักโครงแชสซีเบาลง 10% โครงส่วนหน้าเบาลง 20% และความแข็งแรงและทนต่อแรงบิดเพิ่มขึ้นไปที่ 40,000 Nm/° ซึ่งสูงขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Aventador การันตีสมรรถนะความเป็นเลิศด้านพลศาสตร์
ด้วยระบบส่งกำลังแบบไฮบริดรุ่นใหม่ที่ช่วยเสริมกำลังให้มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ Revuelto สามารถมอบประสบการณ์การเดินทางผ่านโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันได้ถึง 13 รูปแบบ พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ทำงานได้แม้ใช้ไฟฟ้า 100% เพื่อการปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ มีราคาเริ่มต้น 47.49 ล้านบาท
ประเทศไทยสำคัญไม่แพ้ที่อื่นในอาเซียน
หากเจาะไปที่ตลาดอาเซียน ฟรานเชสโก้ ย้ำว่า ประเทศไทยคือหนึ่งในประเทศระดับกลยุทธ์ของ Lamborghini ผ่านความโดดเด่นเรื่องยอดขาย และความแตกต่างเรื่องการตกแต่งรถยนต์ของเจ้าของแต่ละคน รวมถึงความแข็งแกร่งของชุมชนที่ขับ Lamborghini ซึ่งช่วยสร้างแบรนด์ และประชาสัมพันธ์ให้บริษัทอีกทาง
“ตอนนี้ภาพรวม Supercars ในระดับโลกกำลังเติบโต โดยเฉพาะในไทยที่ปี 2022 ตลาดนี้เติบโต 40% เมื่อเทียบกับปี 2018 หนึ่งในเหตุผลมาจาก Supercars มีการถูกใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่ง Lamborghini คือหนึ่งในแบรนด์ที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น”
Lamborghini มีการเปิดตัว Urus รถยนต์ SUV ระดับ Supercars โดยในไทยเปิดตัวครั้งแรกปี 2019 และด้วยความเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ ทำให้ Lamborghini ได้ลูกค้าใหม่เข้ามาผ่านการซื้อรถยนต์รุ่นดังกล่าวถึง 70% และทำให้แบรนด์อื่น ๆ เริ่มให้ความสำคัญกับตลาด Supercars ที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
Lamborghini กับการทำยอดขายสถิติใหม่
ขณะเดียวกันในระดับโลกช่วงครึ่งแรกของปี 2023 ทาง Lamborghini ทำได้ 5,341 คัน มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 4.9% ถือเป็นสถิติใหม่ของบริษัท และตัวเลขดังกล่าวยังชี้ให้เห็นถึงความต้องการของ Supercars ยังมีอยู่ทั่วโลก
“เราบอกไม่ได้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมันแย่ แค่มันไม่ได้เติบโตเร็วเท่าเมื่อก่อน แต่ในตลาด Supercars และทางแบรนด์ Lamborghini เราไม่ได้เติบโตลดลง มีแต่ยอดขายเพิ่มขึ้น ผ่านการปรับตัวได้ดีในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด และการมีรุ่นรถยนต์ที่เหมาะสมกับต้องการของลูกค้า”
แผนหลังจากนี้ของ Lamborghini จะเริ่มต้นที่การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid ในปี 2023 และในปี 2025 รถยนต์ทุกรุ่นของ Lamborghini จะใช้เครื่องยนต์ Hybrid ก่อนที่ปี 2028 จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก ส่วน Revuelto ในเวลานี้มียอดจองไปจนถึงปี 2025 แล้ว
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา