Lalamove เผยธุรกิจในไทยปี 2016 เติบโต 6 เท่า มีลูกค้าแตะ 2 แสนราย

Lalamove บริการขนส่งแบบออนดีมานด์ แถลงผลประกอบธุรกิจในปี 2559 พบว่ามีอัตราการเติบโตถึง 600% เมื่อเทียบกับปี 2558

Lalamove เป็นบริการขนส่งจากประเทศฮ่องกง เพิ่งระดมทุนซีรีส์ B ไปเมื่อเร็วๆ นี้ด้วยมูลค่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตอนนี้ Lalamove สามารถระดมทุนได้แล้วทั้งสิ้น 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน Lalamove มีให้บริการใน 45 เมืองทั่วเอเชีย และอีก 40 เมืองในประเทศจีน ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา มีลูกค้ากว่า 5 ล้านรายทั่วเอเชีย

คุณชานนท์ กล้าหาญ กรรมการผู้จัดการของ Lalamove ประเทศไทย ระบุว่าตอนนี้มีคนขับจำนวน 35% เลือกมาทำงานบนแพลตฟอร์ม Lalamove แทนการทำงานประจำ เพราะรายได้ดีกว่า และบริหารเวลาได้ดีกว่า

สองผู้บริหารของ Lalamove สันทิต จีรวงศ์ไกรสร (ซ้าย) คุณชานนท์ กล้าหาญ (ขวา)

คุณสันทิต จีรวงศ์ไกรสร ผู้อำนวยการภูมิภาคฝ่ายปฏิบัติการ ให้สัมภาษณ์กับ Brand Inside ว่า Lalamove ถือเป็นผู้ให้บริการขนส่งแบบออนดีมานด์เป็นรายแรกในไทย รูปแบบของบริการปัจจุบันยังจำกัดเฉพาะในกรุงเทพมหานคร และเน้นการส่งด่วนภายในวันเดียว โดยคิดค่าบริการพรีเมียมกว่าบริการส่งพัสดุทางไปรษณีย์

ตอนนี้ Lalamove มีลูกค้าในไทย 210,000 ยูเซอร์ มีมูลค่าการใช้บริการ 120 ล้านบาท และมีจำนวนคนขับในระบบ 17,000 คน ถือเป็นผู้ให้บริการขนส่งออนดีมานด์รายใหญ่ของตลาดไทยในตอนนี้

ลูกค้าของ Lalamove มีทั้งกลุ่มธุรกิจและกลุ่ม SME โดยตัวอย่างกลุ่มลูกค้าธุรกิจรายใหญ่คือ LINE Man ที่เชื่อมบริการกับ LINE ผ่านทาง API ของ Lalamove สัดส่วนตอนนี้ลูกค้าธุรกิจมีมูลค่าเกิน 50% ของรายได้ทั้งหมด ส่วนประเด็นเรื่องการขยายไปยังเมืองอื่นๆ ในประเทศไทย ต้องพิจารณาดูจากดัชนีชี้วัดต่างๆ ต่อไป แต่ Lalamove ในระดับภูมิภาคก็มีการขยายธุรกิจไปยังเมืองต่างๆ ทั่วเอเชียอยู่ตลอดเวลา

คุณสันทิต ระบุว่า Lalamove มองว่าธุรกิจขนส่งสินค้าเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว บริษัทไม่คิดจะใช้แนวทางของสตาร์ตอัพบางรายที่ขอเงินจากนักลงทุนมาเพื่อทุ่มตลาดแล้วขายกิจการออกไป แต่หวังจะอยู่ในตลาดนี้ยาวๆ ไปกับลูกค้า ตอนนี้ธุรกิจของ Lalamove ในหลายเมืองมีกำไรแล้ว โดยเฉพาะในประเทศจีน ส่วนกรุงเทพก็มีตัวเลขดีขึ้นมาก และใกล้จะทำกำไรแล้วเช่นกัน

สำหรับตลาดปี 2560 คุณสันทิตมองว่า Lalamove ของประเทศไทยน่าจะเติบโตได้เท่ากับปีก่อนคือ 600% และบริษัทจะเริ่มขยายไปยังการขนส่งที่ไม่ต้องใช้ความเร็วมาก และมีค่าบริการที่ถูกกว่าในปัจจุบัน เพื่อขยายไปจับฐานลูกค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา