อะไรเอ่ย มีตัวตนอยู่จริง แต่เราไม่เคยรับรู้ จนมันหายไป?
‘แสง’ คือสิ่งที่อยู่กับมนุษย์มาโดยตลอด แต่เรากลับไม่เคยคิดเลยว่า แสงนี้มีประโยชน์อย่างไร มีตัวตนอยู่จริงไหม จนกระทั่งเวลาที่ฟ้ามืดสนิท นั่นเราถึงรู้ว่า แสงได้หายไปแล้ว
การมีอยู่ของแสงนั้นไม่ต่างจากออกซิเจน แม้มองไม่เห็น แต่ก็ทรงพลังมากเมื่อขาดมันไป ซึ่งถ้าพูดถึงแสงแล้ว หนึ่งอุตสาหกรรมที่ขาดองค์ประกอบนี้ไปไม่ได้เลยคือ ‘วงการบันเทิง’
ความสำคัญของแสงในอุตสาหกรรมบันเทิงเริ่มมาจาก ‘ละคร’ เพราะถ้าอยากให้คนดูเชื่อและอินไปกับละคร ก็ต้องทำให้พวกเขารู้ว่า ฉากนี้อยู่ที่ไหนและเป็นเวลาเมื่อไร
หากคุณไปดู The Phantom of the Opera ที่ควรได้บรรยากาศถ้ำอันมืดมิด พร้อมแสงไฟสลัวๆ แต่กลับเจอตัวละครอยู่ในฉากธรรมดาๆ พร้อมหลอดไฟสว่างจ้าเหมือนไฟบ้าน คุณจะอยากเสียเงินไปดูละครเรื่องนี้ไหม?
‘แอมป์-อโรชา กิตติวิทยากุล’ ประธานเจ้าหน้าที่ธุรกิจ L&E Beyond บริษัทชั้นนำผู้ให้บริการด้าน ‘แสง’ แก่อุตสาหกรรมบันเทิงไทยและต่างประเทศ เผยว่า แสงมีความสำคัญมาก เพราะมันมีผลต่ออารมณ์ของผู้ชมโดยอัตโนมัติ
แล้วธุรกิจที่ให้บริการด้านแสงคืออะไร? มาดูกัน
คนไทยเก่งแต่เข้าไม่ถึงอุปกรณ์ระดับสากล

จุดเริ่มต้นของ L&E Beyond มาจากตอนที่ ‘แอมป์’ ไปศึกษาปริญญาโทที่อังกฤษในด้านของเทคนิคการทำละครขั้นสูง แล้วค้นพบว่า เด็กไทยเก่งไม่แพ้ชาติอื่นๆ เลย แต่ขาดโอกาสในการเข้าถึงอุปกรณ์ที่เป็นระดับสากล
“ตอนที่แอมป์ไปเรียน แอมป์รู้หมดเลยว่าแอมป์อยากทำอะไร แต่ทำไม่ได้ เพราะว่าอุปกรณ์ที่โรงเรียนที่นู่นมี เราไม่เคยใช้เลย แต่คนฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน หรือแม้แต่คนจีน ญี่ปุ่น เกาหลีที่เราได้เจอ เขาคิดได้ไม่เท่าเราในแง่ของคอนเซปต์ แต่เขาทำออกมาได้”
ในมุมมองของแอมป์ นี่ถือเป็นปัญหามากๆ เพราะสุดท้ายแล้ว เวลาคนจะตัดสินว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้นสามารถทำออกมาได้ไหม จนเกิดเป็นแรงบันดาลใจอยากให้บุคลากรในไทยมีโอกาสใช้อุปกรณ์เหล่านี้บ้าง
ทีแรกที่แอมป์กลับไทยมา เธอยังไม่ได้ก่อตั้ง L&E Beyond อย่างจริงจังหรอก แต่เป็นการขยายบริการเดิมของธุรกิจครอบครัวอย่าง ‘บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน)’ (L&E) ซึ่งให้ให้บริการแสงสว่างครบวงจรทั้งในไทยและอาเซียน ให้เข้าสู่อุตสาหกรรมบันเทิงมากขึ้นมากกว่า
หลังจากนั้นราวๆ 6 ปี แอมป์ถึงเริ่มทำแบรนด์ดิ้งให้กับ L&E Beyond ซึ่งตอนนี้ก็นับเป็นปีที่ 2 แล้ว โดยดำเนินการเป็นหนึ่งในหน่วยธุรกิจของ L&E
“จริงๆ เรา (L&E) ไม่ค่อยได้โฆษณาหรอก แต่บอกเลยว่า งานโครงการทั้งหลาย ห้างสรรพสินค้า สนามบิน โรงพยาบาล แลนด์สเคปใหญ่ๆ งานรัฐบาล เรามีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสูงมาก และเราก็มีศักยภาพในการที่จะทำโคมไฟเหล่านี้ ดังนั้น L&E Beyond ก็เลยมีความสามารถที่จะทำโคมสำหรับงานบันเทิง รวมไปจนถึงทำงาน Production” แอมป์กล่าว
ผู้อยู่เบื้องหลังแสงสวยๆ ในรายการ The Voice และอีกมากมาย
วันแรกที่แอมป์ก้าวเข้ามาในวงการนี้ บางคนถามเธอว่า เข้ามาทำไม? มันมีเจ้าตลาดอยู่แล้วนะ ซึ่งแอมป์ก็ตอบว่า L&E Beyond ไม่ใช่ซัพพลายเออร์ แต่จะเน้นด้านสินค้า พร้อมทำ Production ด้วย
ในส่วนของงาน Production ทาง L&E Beyond มีอุปกรณ์พร้อมทั้งของที่บริษัทผลิตเอง และสินค้าจากแบรนด์ระดับโลก เช่น Cameo จากเยอรมนี หรือ ETC จากสหรัฐอเมริกา ที่ทางองค์กรได้ถือสิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่ายของประเทศไทยเพียงผู้เดียว
อีกหนึ่งบริการของ L&E Beyond คือการให้เช่าอุปกรณ์ โดยบริษัทจะเข้าไปดูแลตั้งแต่การออกแบบ ติดตั้ง และดูแล พร้อมมีบริการให้เช่าจอ LED สำหรับงานที่ต้องการคุณภาพสูงด้วย
นอกจากนั้น L&E Beyond ยังมีสตูดิโอเป็นของตนเองชื่อว่า Studio X Beyond ที่มีอุปกรณ์ครบครัน โดยแอมป์บอกไว้เลยว่า
“ตอนนี้มีสตูดิโอสำหรับ Virtual Production ในไทยหลายที่อยู่ เราก็คิดว่าน่าจะมีประมาณ 3 ที่ที่แอคทีฟจริงๆ แต่เราก็กล้าพูดว่า เราเป็นที่ที่แอคทีฟที่สุดและพร้อมที่สุด หมายความว่า สมมุติ ลูกค้าโทรมา อาทิตย์หน้าขอถ่ายได้ไหม? เข้ามาได้เลย เพราะเรามีอุปกรณ์ที่รองรับไว้หมดแล้ว ซึ่งของของเราก็จะเป็นมาตรฐานสากล”
อ่านมาถึงตรงนี้ คุณอาจคิดว่า ขี้โม้หรือเปล่า ถ้าดีจริง ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อ?
ความจริง L&E Beyond ให้บริการด้านแสงสว่างแก่วงการบันเทิงมามากมาย เช่น
- The Voice Thailand 2024
- The Voice Pride
- The Voice All Stars
- ซีรีส์ อย่า กลับ บ้าน ของ Netflix
- อีเวนต์ KAWS: Holiday Bangkok ณ สนามหลวง
- Thailand Music Countdown
เวลาคุณเสพสื่อบันเทิงเหล่านี้ คุณคงไม่มานั่งดูหรอกว่าบริษัทไหนเป็นคนให้บริการด้านแสง แต่ถ้าวันไหนที่คุณดู The Voice แล้วรายการเริ่มเปิดไฟสว่างจ้าที่ขัดกับมู้ดเพลงเศร้าของผู้เข้าแข่งขัน เมื่อนั้น คุณถึงอาจเริ่มสงสัยว่า คนจัดไฟหายไปไหน?
และเมื่อถามแอมป์ว่าในประเทศไทย มีบริษัทที่ให้บริการด้านแสงในอุตสาหกรรมบันเทิงครบวงจรเหมือนกับ L&E Beyond เยอะไหม? เธอก็ตอบว่า จริงๆ แล้ว ในตลาด คนจะโฟกัสการให้บริการเป็นจุดๆ มากกว่า และยังไม่มีธุรกิจไหนที่ทำครบทั้ง 4 ด้านเหมือนตน
อยากเป็นเพื่อนคู่คิดของวงการบันเทิงไทย
ที่สำคัญ แอมป์ไม่อยากมองว่าใครเป็นคู่แข่งของ L&E Beyond ทั้งนั้น เพราะเธออยากขับเคลื่อนการดำเนินงานธุรกิจในแบบ ‘พันธมิตร’ มากกว่า
“มันคือเรื่องของ Partnership ดังนั้น มีอะไรเราก็นึกถึงตลอด สมมุติเราทำ Production เอง เราก็ไม่ได้ขวนขวาย อะไรที่เราไม่มี เราก็จะไปหาพันธมิตร ซึ่งเป็นคู่แข่ง ว่าเราขอบริการจากเขาได้ไหม?”
มุมมองของแอมป์ในส่วนนี้ ก็สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของ L&E Beyond ที่อยากจะเป็น ‘เพื่อนคู่คิดของธุรกิจบันเทิง’
แอมป์เผยว่า แท็กไลน์ของ L&E Beyond คือ ‘Imagination, Life, and Beyond’ ซึ่งถ้าพูดง่ายๆ คือ บริษัทอยากเป็นเพื่อนคู่คิดให้กับธุรกิจบันเทิงได้ตั้งแต่ที่พวกเขาฝัน และสามารถทำให้มันเกิดขึ้นจริงด้วย หรือถ้าอยากให้งานมันมากกว่านั้น เธอก็พร้อมจะทำให้
คนที่จะอยู่รอดได้คือคนที่รู้จักใช้เทคโนโลยีและไม่ยอมแพ้
ในส่วนของภาพรวมอุตสาหกรรมบันเทิงไทยในปัจจุบัน แอมป์มองว่า มันเปลี่ยนไปเยอะมาก เพราะทุกอย่างสเกลดาวน์ลงมาหมดแล้ว และเข้าถึงง่ายขึ้น โดยการรู้จักใช้เทคโนโลยีก็จะมีผลมากๆ
“มันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไปมาก ดังนั้น ต้องปรับตัว ต้องมีการ Reskill กันเยอะขึ้น มันต้องมีการ Upskill เยอะขึ้นในการที่จะใช้อุปกรณ์พวกนี้ หรือ AI หรืออะไรก็ตาม” แอมป์อธิบาย
ในฐานะคนทำงาน แอมป์ไม่ได้มองว่า AI จะมาแทนที่มนุษย์เลย และเชื่อว่า ตราบใดที่ยังเป็นสิ่งมีชีวิต ทุกคนก็ล้วนมีหน้าที่ที่ตนเองต้องทำ
อย่างไรก็ตาม แอมป์เห็นด้วยกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ว่า ในอีก 50 ปี โลกเราจะแบ่งออกเป็น 2 ชนชั้นคือ 1. อีลีท กับ 2. คนธรรมดา
‘อีลีท’ ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงคนร่ำรวยที่ไหน แต่เป็นคนที่รู้จักใช้ AI ต่างจาก ‘คนธรรมดา’ ที่ใช้ชีวิตแบบรอไปวันๆ ซึ่งคนในกลุ่มแรกนี่ล่ะ ที่จะนำความรู้ด้านเทคโนโลยีมาหาเงินกับคนกลุ่มหลัง ทำให้ช่องว่างระหว่างสองชนชั้นห่างกันขึ้นเรื่อยๆ
จากประสบการณ์ที่แอมป์เคยร่วมงานกับคนหลากหลายชาติ สิ่งหนึ่งที่เธอเห็นคือ ต่างชาติให้ค่ากับ ‘เวลา’ และ ‘คน’ มากกว่าคนไทยมากๆ โดยพวกเขาจะเตรียมแผนมาเป๊ะๆ ว่าอยากทำอะไรบ้างในวันไหน ใช้ทีมงานไม่เกินกี่ชั่วโมงต่อวัน หรือถ้าใช้งานเกิน บุคลากรทุกคนต้องได้ค่าตอบแทนเพิ่มเท่าไร
กลับกัน คนไทยมักคิดมาก จนเกิดการแก้ไขหน้างานเยอะ ซึ่งอาจส่งผลให้ทีมงานต้องอดหลับอดนอน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยจุดนี้ แอมป์มองว่า ทางอุตสาหกรรมสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยได้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่แอมป์คิดว่าสำคัญสำหรับคนที่อยากทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิงคือ ‘ห้ามยอมแพ้’ โดยเฉพาะในยุคที่ใครๆ ก็เป็นคู่แข่งคุณได้
“ต้องให้ค่าตัวเองเยอะๆ และต้องห้ามยอมแพ้ สมมุติ โพสต์ไปมีคนดู 3 คน ห้ามยอมแพ้ว่า กูไม่ทำละ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ต้องทำไปเรื่อยๆ แล้วคุณก็จะเก่งขึ้น เมื่อคุณเก่งขึ้น มันจะมีคนที่ยอมแพ้ นั่นล่ะ คู่แข่งคุณก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่ง คุณก็จะเป็นผู้ชนะได้”
ลูกค้าไทย-ต่างชาติครึ่งต่อครึ่ง เชื่อว่า หากได้มาตรฐาน ยังไงๆ เขาก็มาหาเรา
แอมป์เองก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมบันเทิงไทย โดยเชื่อว่าจะสามารถซัพพอร์ตในเรื่องของอุปกรณ์ และการพัฒนาบุคลากรให้ไปถึงระดับสากล ทัดเทียมนานาชาติได้
ปัจจุบัน L&E Beyond ก็มีสัดส่วนลูกค้าต่างประเทศต่อคนไทยถึงครึ่งๆ เลย โดยต่างชาติส่วนใหญ่ที่มาขอใช้บริการจะเป็นสิงคโปร์ เนื่องจากต้นทุนถูกกว่า และคนชาตินี้ก็นิยมมาเที่ยวไทยอยู่แล้ว
แอมป์เล่าว่าคนชาติอื่นๆ อย่าง อเมริกัน ฮ่องกง อังกฤษ และจีน ก็เป็นลูกค้าของ L&E Beyond เช่นกัน ซึ่งความอยากมาเที่ยวไทยคือหนึ่งในปัจจัยให้พวกเขาเลือกใช้บริการ
แอมป์มองว่า ไทยเป็นประเทศที่ดีในเชิงภูมิศาสตร์ ดังนั้น ถ้าธุรกิจสามารถทำบริการให้ตอบโจทย์ และได้มาตรฐานสากลจริงๆ ยังไงๆ ต่างชาติก็มาหาเรา
“ซอฟต์พาวเวอร์ไทยมันง่ายมาก Product เราง่ายหมด คือเราเป็นประเทศที่ทุกคนพร้อมที่จะรัก เพียงแค่ว่าทำยังไงให้มันเข้าถึงได้ง่ายจริงๆ และเราโฟกัสไปให้ได้ เราเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่เจริญรุ่งเรืองได้ไม่ต่างจากเกาหลีแน่นอน” แอมป์กล่าว
สุดท้ายนี้ L&E Beyond คงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของธุรกิจที่แม้คนอาจไม่รู้ว่ามีอยู่จริง แต่ก็ทรงพลังมากพอที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้
Brand Inside หวังว่า L&E Beyond จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ ‘แสง’ ของธุรกิจบันเทิงไทย ไปสู่เวทีนานาชาติได้จริงๆ
- The Face Thailand กับการปั้นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และยืนยาวกว่าตัวรายการ ตามสไตล์ ‘คุณเต้-ปิยะรัฐ’
- T-POP อาร์ตทอย สื่อ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ตอนนี้เป็นอย่างไร จากมุมมองคนในวงการ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา