กรุงไทยเผยกำไรสุทธิทั้งปี 66 ยังเพิ่มขึ้นแต่ช่วงไตรมาส 4 ติดลบ 24.6% ทำเช้าวันนี้ราคาหุ้นร่วง 11%

ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB เปิดเผยว่า ปี 2566 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  สาเหตุมาจากรายได้การดำเนินงานเพิ่มขึ้น โดยขยายสินเชื่ออย่างระมัดระวัง และมีการรักษาการตั้งสำรองในระดับสูงเพื่อรองรับความ
ท้าทายทางเศรษฐกิจ

KTB ธนาคารกรุงไทย
ภาพจาก Shutterstock

หมายเหตุ เช้าวันนี้ (10.22 น.) ราคาหุ้นธนาคารกรุงไทย หรือ KTB ปรับลดลง 11.80% สู่ 16.00 บาทต่อหุ้นแล้ว

ขณะที่ กำไรสุทธิของธนาคารฯ ในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 6,111 ล้านบาท ลดลง  24.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ลดลง 40.6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66) เนื่องจาก ธนาคารตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลงพร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ซึ่งการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ 181.2% ตามหลักความระมัดระวัง 

ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนเกี่ยวกับ IT เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น ต่อยอดดิจิทัลแบงกิ้ง เพื่อรับการเติบโตของอุตสาหกรรม และการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอนาคต โดยแอปพลิเคชันเป๋าตัง มีผู้ใช้งาน 40 ล้านราย Krungthai NEXT 17.8 ล้านราย และ แอปฯ ถุงเงิน 2 ล้านราย

“(ปี 2566) เศรษฐกิจไทยยังเผชิญการเปลี่ยนผ่านเชิงนโยบายสู่ภาวะปกติซึ่งเห็นได้ชัดจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับตัวขึ้น ความเสี่ยงจากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบกับภาคครัวเรือนยังมีภาระหนี้สูงทั้งในและนอกระบบ ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงกลุ่มเปราะบางและผู้มีรายได้น้อยยังฟื้นตัวได้ช้า  ธนาคารจึงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด โดยรักษาระดับของ Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ” นายผยง กล่าว

ทั้งนี้ ปี 2567 ธนาคารกรุงไทย มีนโยบายมุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการบริการ โดยให้ความสำคัญกับ Responsible Lending หรือการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะปัญหาหนี้อย่างต่อเนื่อง 

ผลประกอบการของธนาคารฯ ปี 2566 มีจุดสำคัญดังนี้

  • กำไรสุทธิอยู่ที่ 36,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 113,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
    (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM อยู่ที่ 3.22% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.60%)
  • รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ที่ 20,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 15,174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 62,157 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 99,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.14% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.08% ลดลงจาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. ที่อยู่ระดับ 3.10%

ทั้งนี้ ณ 31 ธันวาคม 2566 ธนาคาร (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 17.64%  และมีเงินกองทุนทั้งสิ้นที่ 20.85% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ธปท. 

ที่มา ธนาคารกรุงไทย, SET

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา