ช่วงดัชนีหุ้นไทยต่ำว่าตอนต้นปี ขาหนึ่งคนก็บอกให้ระวัง อย่าเพิ่งเข้าซื้อหุ้นเพราะความผันผวนมันสูง แต่หลายคนก็บอกว่าช่วงนี้ของถูกถ้าไม่ซื้อตอนนี้จะเสียใจ มาดูเหตุผลกันดีกว่าว่า ทำไมต้องเข้าซื้อหุ้นตอนนี้
บล.กสิกรไทย มองเทรนเศรษฐกิจไทยขาขึ้น สิ้นปีดัชนี 1,898 จุด
ประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย (บล.กสิกรไทย) บอกว่า ครึ่งปีหลังนี้ตลาดหุ้นไทยจะคึกคัก และน่าสนใจขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวขึ้น ภาครัฐมีกองทุนประชารัฐมาเพิ่มกำลังซื้อกลุ่มรากหญ้า ส่วนชนชั้นกลางก็เข้าถึงสินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยได้มากขึ้น น่าจะทำให้จีดีพีไทยปี 2561 อยู่ที่ 4.5%
ส่วนขานอกประเทศ เดือนก.ค.นี้ ต่างชาติเทขายหุ้นไทยน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญ จากครึ่งปีแรกที่ขายหุ้นไทยกว่า 200,000 ล้านบาท เพราะกังวลเรื่องสงครามการค้าที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เลยเทขายหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market-EM)
นอกจากนี้ฝั่งกองทุนรวมในต่างประเทศเริ่มแสดงความสนใจที่จะลงทุนใน EM เช่น สิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย เพราะเห็น Valuation ที่ต่ำ หลังจากครึ่งปีที่ผ่านมากองทุนนำเงินทุนออกจาก EM กว่า 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ครึ่งปีหลังเลยมีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินไหลกลับมาในไทย
ความหวังของปีนี้เลยมองว่าดัชนีหุ้นไทย คาดว่าจะอยู่ที่ 1,898 จุด แต่ต้องมี 3 ปัจจัย ได้แก่ 1. การเลือกตั้งของไทยต้องเกิดขึ้นในปี 2562 (น่าจะเห็นช่วงเดือนก.พ.-พ.ค.) 2. เศรษฐกิจ EM ต้องไม่ชะลอตัวและเติบโตขึ้น 3. Trade War ต้องไม่รุนแรงและไม่บานปลาย ซึ่งเรามองว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะลดลงในช่วงพ.ย.61 ที่สหรัฐมีการเลือกตั้ง Mid Term ส่วนกรณีเลวร้ายที่สุด (Worst Case) แต่ไม่น่าจะเกิดขึ้นคือ ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,423 จุด
5 กลุ่มหุ้นน่าซื้อ ธนาคาร–การเงิน–อสังหาฯ–ค้าปลีก–ก่อสร้าง
ประกิต บอกว่า ช่วงนี้อุตสาหกรรมที่น่าลงทุนก็ต้องอิงกับเศรษฐกิจในประเทศ
1. กลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะ ธนาคารขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยบวก เพราะดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในเทรนขาขึ้น ธนาคารต้องปรับโครงสร้างดอกเบี้ยทำให้ผลประกอบการค่อยๆดีขึ้น และไตรมาส 2 ปี 61 น่าจะเป็นช่วงที่ผลประกอบการต่ำที่สุด
หุ้นแนะนำ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคารกรุงไทย (KTB)
2. กลุ่มการเงิน เพราะกำลังซื้อในประเทศดีขึ้น คนก็ต้องการสภาพคล่องมีความต้องการก่อหนี้หุ้นที่น่าจะดีก็เช่นเอ็มทีซีเนื่องจากมีการขยายสาขาเชิงรุกทั่วประเทศก็สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจทั่วประเทศทั้งรากหญ้าและรายได้ปานกลางที่จะเติบโตขึ้น
หุ้นแนะนำ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC)
3. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้ภาคเอกชนมั่นใจที่จะลงทุนเริ่มก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ครึ่งปีหลังคาดว่าโครงการใหม่ที่เอกชนจะลงทุนตามแนวรถไฟฟ้าคิดเป็นเม็ดเงินรวม 2.4 แสนล้านบาทถือว่า
หุ้นแนะนำ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (ORI) บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH)
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AP)
4. ธุรกิจค้าปลีก รับผลดีจากกำลังซื้อในประเทศที่ดีขึ้น บางตัวได้รับแรงกดดันจนพ้นจุดต่ำสุดแล้ว
หุ้นแนะนำ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (Beauty)
5. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หลังจากซึมมานานตอนนี้มีความชัดเจนจากกณฑ์การลงทุนของภาครัฐ จะทำให้ปรับตัวดีขึ้น
หุ้นแนะนำ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (Stec)
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK)
ส่วนหุ้นกลุ่มที่ไม่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ แนะนำกลุ่มการส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากไตรมาส 3 เป็นฤดูการส่งออกที่ผลประกอบการ จะดีที่สุดในรอบปี ดังนั้นแม้ว่าไตรมาส 2 จะแย่แต่ก็เห็นคนเริ่มทยอยซื้อหุ้นกลุ่มนี้เพื่อเก็งกำไรราคาหุ้นในไตรมาส 3 ในขณะเดียวกันย่อมได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าด้วย โดยเราประเมินว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 32.50-33.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อีกกลุ่มนึงคือ ปิโตรเคมี แนะนำก็ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) (IVL) ที่กำไรค่อนข้างดี และครึ่งปีหลังน่าจะมีการควบรวมกิจการ (M&A)
ตอนนี้ที่กลุ่มที่ยังไม่ควรเสี่ยงคือ กลุ่มบันเทิง ส่วนกลุ่มอื่นๆ อาจจะมีทั้งตัวที่ราคาดีและไม่ดีปนกันไป ต้องศึกษาให้ดีก่อนซื้อ
สรุป
ช่วงนี้แม้ดัชนีหุ้นไทยตกลง ทำให้ราคาหุ้นบางตัวที่พืนฐานที่ก็ลดลงมาด้วย ถือเป็นโอกาสให้เข้าซื้อหุ้นก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเต็มที่ แต่การลงทุนก็ต้องดูระยะเวลาในการลงทุน รวมถึงศึกษารายละเอียดในหุ้นแต่ละตัวให้ดี
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา