ธนาคารกรุงศรีอยุธยาและบริษัทย่อย เปิดเผยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 25,198 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากการดำเนินงาน ทั้งในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อันเป็นผลมาจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในประเทศและการควบรวมกิจการพอร์ตสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในต่างประเทศ
ขณะที่ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 แม้ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงภาระการตั้งสำรองสำหรับธุรกิจในต่างประเทศตามนโยบายบริหารจัดการความเสี่ยงที่เข้มงวดระมัดระวัง
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2566 ธนาคารฯ มีเงินให้สินเชื่อรวม 67,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% จาก สิ้นธ.ค. 65 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสินเชื่อเพื่อรายย่อย ซึ่งครอบคลุมบริษัทลูกต่างประเทศแห่งใหม่ในไตรมาสสองของปี 2566
เคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยากล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของธนาคารได้รับปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ทั้งจากธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ โดยยังคงรักษาความเข้มงวดระมัดระวังในการบริหารจัดการความเสี่ยงอยู่เสมอ
“เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2566 แม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์อันเนื่องมาจากอุปสงค์ในต่างประเทศที่อ่อนตัวลง ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนของการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยวและผลจากฐานที่ต่ำในไตรมาสที่สี่ของปีก่อนหน้า กรุงศรียังคงเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อปี 2566 ไว้ที่ 3-5%” เคนอิจิ กล่าว
ผลประกอบการของธนาคารฯ 9 เดือนแรกของปี 2566 มีจุดสำคัญดังนี้
- กำไรสุทธิอยู่ที่ 25,198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 70,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.70% จาก 3.44% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน)
- รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อยู่ที่ 27,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 43,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อยู่ที่ 59,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.8% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 2.48% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ 2.29%
ณ วันที่ 30 ก.ย. 2566 กรุงศรี มีสินเชื่อรวม 2.02 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.77 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.76 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับ 309,120 ล้านบาท หรือเทียบเท่า 18.38% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 13.66%
ที่มา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, SET
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา