เมื่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้จับมือร่วมกับ BlackRock บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่มีสินทรัพย์ใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก เรื่องนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการลงทุนในไทย Brand Inside จะเล่าถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับจากความร่วมมือสำคัญนี้
ต้องเล่าถึงในปัจจุบันว่า ลูกค้ากลุ่ม Wealth ของกรุงศรีนั้นปัจจุบันมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแลมากถึง 1 ล้านล้านบาท ภายใต้แบรนด์ KRUNGSRI EXCLUSIVE และ KRUNGSRI PRIME ซึ่งลูกค้าแต่ละประเภทจะแตกต่างกันในเรื่องจำนวนของสินทรัพย์ แต่รวมๆ แล้วนั้น ปัจจุบันลูกค้าเหล่านี้นั้นเติบโตขึ้นทุกปี ขณะเดียวกัน โลกการลงทุนนั้นกลับเดินหน้าตลอดเวลา ในแต่ละปีสถาบันการเงินต่างๆ เองนั้นมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เสนอให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกการลงทุนที่รุดหน้าไปทุกวัน ทำให้ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้ประกาศเซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรกับ BlackRock บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
(ที่มา: Statista.com ณ 7 ก.ค. 63) ที่มีลูกค้าเป็นสถาบันการเงิน กองทุนความมั่งคั่ง สหกรณ์ เงินลงทุนของบริษัทประกันชีวิต รวมไปถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญของประเทศต่างๆ
สำหรับ BlackRock นั้นก่อตั้งในปี 1988 โดยปัจจุบัน มีผู้เชี่ยวชาญการลงทุนกว่า 14,900 คน ในสำนักงานกว่า 30 แห่งทั่วโลก บริษัททำธุรกิจโดยเน้นการบริหารกองทุนรวมหรือกองทุนประเภท ETF ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ให้ลูกค้าบุคคลหรือลูกค้าสถาบันการเงิน ฯลฯ สามารถเลือกสรรได้หลากหลายจากความเสี่ยงต่ำสุดอย่างเช่น ตราสารหนี้ พันธบัตรรัฐบาล จนถึงความเสี่ยงสูง อย่าง หุ้น ทองคำ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ขณะเดียวกัน BlackRock เองก็ยังคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าและลงลึกถึงรายละเอียดในทุกการลงทุน เพื่อที่จะตอบโจทย์หลากหลายและความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า
จุดเด่นในการลงทุนของ BlackRock นั้นคือ วิธีการลงทุนที่เป็นแบบฉบับของ BlackRock เองที่มีการใช้ข่าวสารเชิงลึก การวิเคราะห์สภาพตลาด และทีมงานการลงทุนที่มีทั่วโลกความเชี่ยวชาญในการบริหารความเสี่ยง ทำให้ BlackRock สามารถมีกองทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ในทุกสภาวะตลาด
ปัจจุบัน หนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ BlackRock ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนจำนวนมาก คือ
กองทุน ETF อย่างตระกูล iShares ที่มีสินทรัพย์อ้างอิงที่หลากหลาย เช่น หุ้น ตราสารหนี้ ตราสารทางเลือก ฯลฯ
ความร่วมมือระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยากับ BlackRock นี้จะเป็นประโยชน์กับลูกค้ากรุงศรี ทั้ง KRUNGSRI EXCLUSIVE และ KRUNGSRI PRIME หลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น แนวทางในการกระจายการลงทุน ข้อมูลเชิงลึกและบทวิเคราะห์สภาวะเศรษฐกิจมหภาค แนวทางการแนะนำการจัดสรรเงินลงทุนให้กับลูกค้าในแต่ละสภาวะตลาด รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนใหม่ๆ อย่างกองทุน KFCORE ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างกรุงศรีและ BlackRock
โดย BlackRock ใช้กลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนเชิงรุก หลากหลาย และยืดหยุ่น (Tactical Asset Allocation) เพื่อสร้างผลตอบแทนตามภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงเหมาะสำหรับลูกค้าที่มองหากองทุนที่สามารถเป็นสัดส่วนหลักของพอร์ตการลงทุน (Core portfolio)
สำหรับข้อมูลหรือสนใจบริการด้านการลงทุนจากกรุงศรี สามารถอ่านเพิ่มเติมเติมได้ที่นี่
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา