เขียง ร้านอาหาร Street Food และธุรกิจดาวรุ่งของบมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เติบโตอย่างก้าวกระโดดใน 2 ปีแรกที่เริ่มกิจการ ส่วนในปีนี้เตรียมขยายสาขาอีกเกือบเท่าตัวด้วยกลยุทธ์แฟรนไชส์ ทั้งเตรียมตัวทำตลาดต่างประเทศ
ความสำเร็จที่มี COVID-19 เป็นตัวเร่ง
ช่วงโรค COVID-19 ระบาดอย่างหนักในประเทศไทยเมื่อต้นปี 2020 ภาพรวมตลาดการสั่งอาหารมารับประทานที่บ้าน หรือเดลิเวอรี่เติบโตก้าวโดด ซึ่งนอกจากผู้ให้บริการส่งอาหารจะทำยอดได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ฝั่งร้านอาหารที่ปรับตัวได้ก็มียอดขายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง เขียง คือหนึ่งในร้านอาหารเหล่านั้น
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เล่าให้ฟังว่า ความสำเร็จของ เขียง เกิดจากปรับตัวอย่างรวดเร็วในปี 2020 ไล่ตั้งแต่การเร่งขยายสาขาด้วยรูปแบบแฟรนไชส์เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่ถาโถมเข้ามา ประกอบกับการออกแบบเมนู, รสชาติ และราคาที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วไปได้เป็นอย่างดี
“COVID-19 มาเร่งการเติบโตของเราให้ก้าวกระโดด เพราะกว่าจะถึงจุดนี้เราทดลองมาเยอะ เช่นทำสาขาในสถานีบริการน้ำมัน และคิดว่าต้องทำร้านสวยน่านั่ง แต่เมื่อกระแสเดลิเวอรี่มาก็ต้องปรับกระบวนความคิดใหม่ทั้งหมด ทำสาขาให้ง่าย มีกลิ่นอาย Street Food ตอบโจทย์เดลิเวอรี่ ซึ่งปัจจุบันเดลิเวอรี่คิดเป็นสัดส่วน 80% ของแต่ละร้าน”
ยกระดับ Street Food ให้มีความปลอดภัย
อีกปัจจัยที่บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป เข้ามารุกตลาด Street Food ด้วย เขียง เพราะมูลค่า Street Food กินสัดส่วนมากที่สุดในภาพรวมมูลค่าตลาดธุรกิจร้านอาหาร 7 แสนล้านบาทในประเทศไทย แต่จุดอ่อนของ Street Food คือการคุมคุณภาพอาหาร และสุขลักษณะ ซึ่งบริษัทสามารถแก้ไขได้ด้วยประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจนี้
“ก่อนหน้านี้เจ้าของต้องปรุงเอง ผัดเอง มันคุมอะไรได้ยาก ดังนั้นการเอามาตรฐานของกลุ่มเซ็นมาตั้ง พร้อมนำจุดเด่นของ Street Food เช่นรถเข็น, การประกอบอาหารหน้าร้านไม่ใช่หลังร้าน และการวางเก้าอี้กลมเพื่อสร้างบรรยากาศเหมือนรับประทานในร้าน Street Food จริง ๆ ก็ช่วยกระตุ้นอีกทาง”
อย่างไรก็ตามกว่าจะขยายได้ 83 สาขาในตอนนี้ บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ต้องลงทุนเปิดร้านเขียงเองเป็นสิบแห่งเพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ และเมื่อแบรนด์เริ่มติดตลาดถึงเดินหน้ากลยุทธ์ขยายสาขาแบบแฟรนไชส์ ซึ่งใน 83 สาขาในปัจจุบันมีถึง 63 สาขาที่ดำเนินกิจการในรูปแบบแฟรนไชส์
ปีนี้ 140 สาขา สร้างยอดขาย 300 ล้านบาท
ทั้งนี้บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป วางแผนขยายสาขา เขียง ในรูปแบบแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าสิ้นปี 2021 มีทั้งหมด 140 สาขา สามารถทำยอดขายได้กว่า 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ 40% โดยสาขาที่น่าสนใจในปีนี้คือสาขาตามห้องแถว และในพื้นที่สำนักงานต่าง ๆ ที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก และเปิดได้อย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้มีสองกลุ่มหลัก ๆ ที่อยากเข้ามาทำธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเขียง กลุ่มแรกคือคนมีเงินออมอยู่และต้องการให้เงินนั้นเติบโตด้วยการลงทุนในร้านเขียง ส่วนอีกกลุ่มคือ SME ที่ต้องการลงทุนทำร้านอาหาร โดยบริษัทมีการเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อรองรับเรื่องสินเชื่อด้วย”
สำหรับค่าใช้จ่ายในการทำแฟรนไชส์ร้านเขียงประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ (แรกเข้า) ระยะ 6 ปี 6 แสนบาท ค่ารอยัลตี้ฟี และมาร์เก็ตติ้งฟี 15,000 บาท/เดือน งบลงทุนก่อสร้าง 1-2 ล้านบาท สามารถถึงจุดคุ้มทุนใน 2-3 ปี โดยปัจจุบันค่าเฉลี่ยสูงสุดของสาขาที่ทำยอดขายได้มากที่สุดอยู่กว่า 1 ล้านบาท/เดือน
ไปต่างประเทศ เทียบชั้นเชนร้านอาหารดัง
ขณะเดียวกัน บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ต้องการพัฒนา เขียง ให้กลายเป็นร้านอาหาร Street Food ชั้นนำของประเทศไทย และสามารถออกไปบุกตลาดต่างประเทศได้ด้วยกลยุทธ์แฟรนไชส์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเจรจาเพื่อทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น แต่ด้วยโรค COVID-19 ระบาด ทำให้ทุกอย่างต้องเลื่อนออกไป
“ผมต้องการแสดงให้เห็นว่า เขียง จะผงาดในตลาดต่างประเทศ มีหลายพันสาขาทั่วโลก เหมือนกับเชนร้านอาหารดังที่คนไทยต้องซื้อแฟรนไชส์มาเปิดที่ประเทศไทย ยิ่งอาหารไทยเป็นที่ต้องการในตลาดโลก โอกาสที่จะไปถึงจุดนั้นก็เป็นไปได้”
นอกจากนี้ เขียง ยังเป็นร้านอาหารที่สนับสนุนเกษตรกรไทย เพราะทุกเมนูใช้วัตถุดิบภายในประเทศทั้งหมด และหากสามารถออกไปทำตลาดต่างประเทศได้จริง ก็ถือเป็นการสนับสนุนเกษตรกรไทยอีกขั้น ทั้งทำให้บริษัท และเกษรตรไทยเติบโตไปด้วยกันได้จริง
สรุป
บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับธุรกิจ เขียง อย่างมาก สังเกตจากการเร่งเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่กลัวคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่เดินหน้ารุกตลาดร้านในรูปแบบเดียวกันนี้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างทำร้านโต้รุ่ง Ghost Kitchen ที่ตอบโจทย์การทำตลาดแบบเดลิเวอรี่โดยเฉพาะ เพื่อรองรับการเติบโตของกระแสนี้ที่ไม่ตกง่าย ๆ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา