ทิ้งงานประจำสู่เจ้าของธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านเกิด “ขนมจันทร์” ชีวิตไม่ง่ายของอดีตมนุษย์เงินเดือน

ทิ้งงานประจำสู่เจ้าของธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านเกิด “ขนมจันทร์” ชีวิตไม่ง่ายของอดีตมนุษย์เงินเดือนแรงบัลดาลใจเล็ก ๆ จากคนที่เคยทำงานประจำในเมืองหลวง กับ ค่าครองชีพที่แสนสูงลิ่ว ทุกเช้าของสังคมเมืองที่มดงานนับแสนชีวิตดิ้นรนออกไปทำงานเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ แล้วกลับเข้ามาพักในห้องสี่เหลี่ยมๆเล็ก เมื่อพระอาทิตย์ทอแสงขึ้นอีกครั้ง ชีวิตยังคงวนลูปเป็นแบบนี้เรื่อยไป แล้วอะไรคือความสำเร็จของมนุษย์มดงานเหล่านี้ ธุรกิจส่วนตัว คือคำตอบที่ใช่หรือไม่ 

มนุษย์เงินเดือนหลายคนอาจมีความคิดว่า หากชีวิตนี้มีโอกาส อยากลาออกจากงานประจำแล้วหันไปทำธุรกิจส่วนตัว เป็นนายตัวเอง และนั้นคือภาพฝันของใครหลายคนที่ต้องการมีชีวิตอิสระ จัดสรร และ บริหารงานด้วยแต่เอง 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาพฝันที่หลายคนวาดไว้ จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรือเปล่า เรามีโอกาสได้พูดคุยและเปลี่ยนความคิดกับ คุณเจือจันทร์ หรือ คุณจัน หญิงสาวอายุราวๆ 30 ปี เจ้าของร้าน “ขนมจันทร์” ที่อยุธยา ขายขนมวุ้นกะทิใบเตย และ ขนมไทยอื่นๆ ที่หนีจากชีวิตมนุษย์เงินเดือนเมืองกรุง กลับไปเริ่มธุรกิจเล็กๆ ของตัวเองที่บ้านเกิด

คุณจันเล่าว่า เธอจบปริญญาตรี สาขานิเทศศาสตร์ ความใฝ่ฝันของเธอ คือ การได้เข้าไปเป็นพนักงานประจำ และทำตำแหน่ง “ผู้สื่อข่าว” รายการกับทางช่องสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ชีวิตการทำงานของเธอเป็นไปด้วยความสนุก เพราะสิ่งที่ได้ทำตอบโจทย์กับชีวิต และความสุขที่ได้ออกไปพบปะและสนทนากับแหล่งข่าว

“การทำงานตอนนั้นสนุกมาก ทั้งยิ้ม หัวเราะ เป็นสิ่งที่เราชื่นชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก การทำงานเลยความสุข”

แต่ดูเหมือนชีวิตจริงของการทำงาน ไม่ได้สวยหรู หรือ ปูด้วยพรมแดง โรยด้วยกรีบกุหลาบ ให้เธอเดิน “เงินเดือน” คือปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตในเมืองหลวง ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่ผ่านมา เด็กจบใหม่อย่างคุณจัน ได้เงินเดือนค่าตอบแทนอยู่ที่ “10,000 บาทต่อเดือน” เด็กต่างจังหวัดกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวงไม่ง่ายเลย ด้วยค่ากิน ค่าอยู่ ค่าเดินทาง อย่าถามเรื่องเงินเก็บ เพราะจะใช้ชีวิตให้ผ่านไปในแต่ละวันยังลำบาก 

หลังจากนั้นแม้คุณจันจะเปลี่ยนงานไปทำแผนกข่าวออนไลน์ เงินเดือน 25,000 บาทก็ดูเหมือนชีวิตจะดีขึ้น  แต่ก็ต้องมาเจอกับช่วงโควิดระบาด ทำให้ไม่สามารถออกไปทำข่าวได้ ต้องอยู่แต่ในออฟฟิศ หาข่าวตามอินสตาแกรมส่วนตัวของดารา มานั่งเขียนข่าว

คุณจัน เล่าว่า เธอทำงานอยู่แบบนั้นหลายเดือน จนได้ไปงานและไปเจอดารามีชื่อเสียงท่านหนึ่ง พูดกับเธอว่า “ชีวิตนี้จะเป็นนักข่าวไปตลอดเลยหรือ อายุมากขึ้นก็ทำงานข่าวไม่สนุกแล้ว” คุณจันบอกว่า นั่นทำให้เธอคิดได้ว่า หากชีวิตจะอยู่แบบต่อไปเรื่อยๆ เราเองก็ต้องโตขึ้น พ่อกับแม่ก็อายุมากแล้ว แล้วเธอคือลูกผู้หญิงคนเดียว 

กลายเป็นจุดหักเหให้ลาออกจากงานประจำ มุ่งหน้ากลับบ้านที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเธอบอกว่า การกลับบ้านมาครั้งนี้ เธอไม่มีเงินเก็บเลย และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป 

“หนึ่งเดือนเต็มที่กลายเป็นคนว่างงาน กิน นอน อยู่บ้าน ตอนนั้นยังคิดไม่ออกเลยว่าชีวิตนี้อยากจะทำอะไร เหมือนทุกอย่างมันว่างเปล่า แต่โชคดีที่พ่อกับแม่เข้าใจ และไม่กดดัน คือต้องยอมรับว่าสังคมต่างจังหวัดตลาดแรงงานค่อนข้างน้อย ไม่ทำงานราชการ ก็ไปเป็นพนักงานโรงงาน ซึ่งส่วนตัวไม่อยากกลับเข้าสู่วงการนี้แล้ว เพราะชีวิตจะวนเวียนไม่ต่างจากเดิม” 

 

แต่เมื่อหนึ่งเดือนผ่านไป เธอรู้ว่ามีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอชื่นชอบมาก คือ การกิน เธอชอบสรรหาของอร่อย ๆ มากิน ประกอบกับ คุณอาของเธอ ทำวุ้นกะทิอร่อยใบเตยอร่อย เธอจึงไปขอความรู้และฝึกหัดทำมาเรื่อยๆ

“จันเองไม่มีความรู้เรื่องการทำขนมเลยค่ะ มีฝีมือทำอาหารได้แค่เล็กๆน้อยๆ จึงไปขอให้คุณอาสอนทำวุ้นกะทิใบเตย และก็ตั้งใจว่าจะทำขายส่งตามร้านในพื้นที่จังหวัดของตัวเองก่อน”

และด้วยความที่เธอรู้จักกับดารา คนมีชื่อเสียง ทำให้ “วุ้นกะทิใบเตย” ได้รับการโปรโมทจากดารา เซเลป มากมาย ยอดขายขนมจึงค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากที่ไม่มีคนรู้จักขนมของเธอเลย ก็กลายเป็นว่า คนในกรุงเทพ หรือ จังหวัดอื่นๆ ก็สั่งขนมจันทร์ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง 

“ค่อย ๆ ศึกษาว่าเราจะส่งตามต่างจังหวัดอย่างไรไม่ให้วุ้นกะทิเสีย เพราะเราไม่ได้ใส่สารกันบูด ก็เลยคิดว่าขนส่งอะไรที่ส่งไว้แล้วของไม่เสียหาย ก็คือ รถตู้ กับ รถไฟ ซึ่งผลตอบรับดีมาก สั่งเช้า พอตอนเย็นเราก็สามารถส่งของได้ทันที”

ซึ่งทุกวันนี้คุณจันก็ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับธุรกิจเล็กๆ ของเธอคนเดียว ซึ่งสามารถเลี้ยงตัวเอง และ ครอบครัวได้ แต่ใช่ว่าทุกวันนี้เธอจะประสบความสำเร็จแล้ว 

คุณจัน บอกว่า ยังต้องศึกษาและความรู้ในการต่อยอดธุรกิจในทุกวันๆ คิดค้นสูตรของขนม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น ขยายธุรกิจให้โตกว่านี้ 

สิ่งสุดท้ายที่เธอกล่าวไว้คือ ที่ผ่านมามีเพื่อนๆเข้ามาถามและขอคำปรึกษา ถึงเรื่องการตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เธอสะท้อนมุมมองส่วนตัวออกมาว่า หากในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ สังคมรัฐที่สวัสดิการไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิต การมีเงินเดือนประจำเป็นสิ่งที่ดีที่สุด หากชีวิตยังไม่มีการวางแผนเรื่องของการทำธุรกิจ อย่าพึ่งตัดสินลาออกจากงานประจำ เพราะหนทางของการทำธุรกิจไม่ได้สวยหรูเหมือนภาพในจินตนาการ 

หากอยากอุดหนุนและเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับคุณจัน ติดต่อไปยัง Facebook ขนมจันทร์อยุธยา ได้เลย 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา