ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาด ธุรกิจร้านอาหารเติบโต 5.0-9.9% แต่ต้องระวัง โควิด-ต้นทุนเพิ่ม คอยฉุดตลาด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ ธุรกิจร้านอาหารปี 2565 มีโอกาสเติบโต 5.0-9.9% มีมาตรการรัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง เป็นตัวช่วย แต่ต้องเฝ้าระวัง โอมิครอน และต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ที่คอยฉุดตลาดไม่ให้เติบโต

ร้านอาหาร

ร้านอาหาร 3 แสนล้านบาทต้องเติบโต

หลังจากภาครัฐได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการให้บริการในร้านอาหาร ผู้บริโภคเริ่มกลับไปใช้บริการภายในร้านมากขึ้น โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้า และแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารกลับมาทำตลาดมากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันจัดส่งอาหารที่ทำกระตุ้นยอดการใช้บริการ

ดังนั้นหากการระบาดของโรค COVID-19 ไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้างเหมือนปีก่อน ประกอบกับการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น และการเร่งทำตลาดเพื่อชดเชยยอดขายที่หายไป โอกาสที่ปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารจะกลับมาเติบโต 5.0-9.9% คิดเป็นมูลค่า 3.78-3.96 แสนล้านบาท จากที่ปี 2564 หดตัวถึง 11%

อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกประเภทร้านอาหารที่กลับมาเติบโต โดยหากเจาะไปที่แต่ละประเภทจะพบว่า

  • ร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurants) จะเห็นการเติบโตที่เร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน โดยกลุ่มร้านอาหารที่จะทยอยกลับมาฟื้นตัวก่อนจะเป็นกลุ่มร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารที่มีชื่อเสียง รวมถึงในพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวไทย ส่วนร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณอาคารสำนักงานน่าจะฟื้นตัวจำกัด เนื่องสถานที่ทำงานหลายแห่งยังคงการทำงานแบบ Hybrid Working และ Work from home ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้จึงยังคงต้องพึ่งช่องทางการจัดส่งอาหารไปยังที่พักเพื่อสร้างรายได้ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบจะมีมูลค่ายอดขายอยู่ที่ประมาณ 1.31 – 1.42 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นการขยายตัว 10.0% – 19.5% โดยเป็นการฟื้นตัวจากฐานที่หดตัวรุนแรงในปีก่อน
  • ร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด (Limited Service Restaurants) การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาในกลุ่มอาหารจานด่วน และร้านอาหารขนาดเล็กที่คาดว่าจะเปิดตัวมากขึ้นกว่าปี 2564 อาทิ กลุ่ม ร้านอาหารที่ไม่มีหน้าร้าน รวมถึงร้านอาหารรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความคล่องตัวสูง โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นบริเวณที่อยู่อาศัยและปั๊มน้ำมันทั้งในกรุงเทพฯรอบนอก ปริมณฑลและหัวเมืองหลัก นอกจากนี้ในปี 2565 คาดว่าผู้ประกอบการร้านอาหารในกลุ่มนี้น่าจะทำตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายมากขึ้น โดยเฉพาะการร่วมมือกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นจัดส่งอาหาร ด้วยมุมมองดังกล่าวทำให้คาดว่า ในปี 2565 ธุรกิจร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6.4 -6.8 หมื่นล้านบาท หรือขยายตัว 4.6% – 11.8% อย่างไรก็ดี ร้านอาหารกลุ่มนี้ยังมีความท้าทายในด้านการบริหารจัดการช่วงเวลาเร่งด่วน ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมากในหลายช่องทาง เนื่องจากทรัพยากรแรงงานและพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้อาจเกิดภาวะคอขวดในกระบวนการต่างๆ ภายในร้านขึ้นได้
  • ร้านอาหารข้างทาง (Street Food) ที่มีหน้าร้าน ยังขยายตัวได้ต่อเนื่องและกลุ่มร้านอาหารข้างทางยังได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ โดยคาดว่าร้านอาหารประเภทดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เนื่องจากเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่าย และราคาไม่สูง ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาขยายฐานการตลาดในเซ็กเมนต์นี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าธุรกิจร้านอาหารข้างทางที่มีหน้าร้าน ในปี 2565 จะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.84 -1.86 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 2.0% – 3.0% อย่างไรก็ดี ร้านอาหารในกลุ่มนี้ มีความหนาแน่นของผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรง มีการหมุนเวียนเข้าออกของผู้เล่นสูง

เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในธุรกิจร้านอาหาร

สถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 มีผลทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีการปรับตัวค่อนข้างมากทั้งช่องทางการขายที่พึ่งช่องทางเทคโนโลยีมากขึ้น กอปรกับรูปแบบการทำธุรกิจที่เปลี่ยนไป สำหรับสภาพแวดล้อมของธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 ที่น่าสนใจมีดังนี้

  • ผู้ประกอบการปรับมาใช้โมเดลร้านอาหารขนาดเล็กเพื่อลดต้นทุนและความเสี่ยง รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานเป็นหัวใจสำคัญในห่วงโซ่ธุรกิจร้านอาหาร โดยคาดว่าในปี 2565 ผู้ประกอบการจะปรับ Position และรูปแบบการขยายสาขามาใช้โมเดลร้านอาหารแบบโมบายสโตร์ (Mobile Store) ซึ่งมีความคล่องตัวสูง ใช้เงินลงทุนจำกัด และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างหลากหลาย อาทิ ครัวกลาง (Cloud kitchen) ร้านค้าขนาดเล็กที่มีลักษณะเป็นซุ้ม หรือเคาน์เตอร์ขายอาหาร (Kiosk) เป็นต้น รวมถึงการผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการวัตถุดิบ การจองคิวและชำระเงิน รวมไปถึงโฆษณาทางการตลาด
  • ต้นทุนธุรกิจที่คาดว่าจะทรงตัวสูงต่อเนื่องทั้งปี ขณะที่การปรับเพิ่มราคาขายยังทำได้จำกัด สร้างแรงกดดันต่อกำไรสุทธิของผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยนอกจากค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและค่าเช่าพื้นที่ที่ยังคงทรงตัวสูง ราคาวัตถุดิบสำคัญในธุรกิจร้านอาหาร อาทิ เนื้อสุกร เนื้อโค น้ำมันพืช อาหารทะเล และสินค้าสิ้นเปลืองต่างๆ ได้มีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลจากทั้งปัจจัยชั่วคราว ปัจจัยตามฤดูกาล และราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ร้านอาหารบางร้านได้เริ่มมีการปรับราคาอาหารเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ขณะเดียวกันการแข่งขันในธุรกิจที่รุนแรงส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายเลือกที่จะแบกรับต้นทุนบางส่วนเพื่อรักษาฐานลูกค้าและยอดขายของร้านไว้ หรือเลือกปรับเมนูและประหยัดค่าใช้จ่ายด้านอื่นทดแทน
  • ผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมขยายการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารมากยิ่งขึ้นทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอกและปริมณฑล รวมถึงในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยในปี 2565 น่าจะยังเห็นการเข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านอาหารของผู้ประกอบการรายใหญ่ต่อเนื่อง โดยเป็นรูปแบบการสร้างแบรนด์ใหม่ รวมถึงการเข้าซื้อธุรกิจร้านอาหารที่มีชื่อเสียงและมีฐานลูกค้าเป้าหมายอยู่ในตัว ร่วมกับการทำพันธมิตรทางธุรกิจกับผู้ประกอบการที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจ อาทิ แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ แพลตฟอร์ม E-payment เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้ประกอบการปรับกลยุทธ์ด้วยการรวมร้านอาหารมาเปิดในพื้นที่เดียวกัน หรือเป็นรูปแบบศูนย์รวม (Hub) ของแบรนด์ร้านอาหารในพอร์ตของผู้ประกอบการ เพื่อรองรับการจัดส่งไปพื้นที่อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น
  • ความเสี่ยงของโควิดที่ยังมี ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องรักษาสมดุลของช่องทางการขายและเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ ไปยังสินค้าอื่นๆ มากยิ่งขึ้น อาทิ การขยายไลน์สินค้าในหมวดวัตถุดิบ เครื่องปรุง และอาหารพร้อมปรุง (Meal Kits) เพื่อตอบสนองกับกลุ่มผู้บริโภคที่หันมาทำอาหารทานในที่พักมากยิ่งขึ้น และถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะทยอยกลับเข้ามาทานในร้านอาหาร แต่ความคุ้นชินของผู้บริโภคที่มีต่อแพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร ก็ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องบริหารจัดการและรักษาสมดุลของช่องทางการขายทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ให้มีประสิทธิภาพ

โดยสรุป ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้ภาพรวมทิศทางธุรกิจร้านอาหารในปี 2565 จะกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่หดตัวต่อเนื่องในช่วง 2 ปีก่อนหน้า แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารยังคงต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง เพื่อลดผลกระทบจากทั้งปัจจัยท้าทายในธุรกิจ

ตั้งแต่ปัจจัยเรื่องต้นทุนทางธุรกิจที่ยังทรงตัวสูง ทั้งราคาวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค ค่าเช่าพื้นที่ เป็นต้น รวมถึงการแข่งขันที่รุนแรงระหว่างร้านอาหารในเกือบทุกประเภทและระดับราคา นอกจากนี้ เทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัวและเปลี่ยนแปลงตามกระแสอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารจำเป็นต้องปรับรูปแบบธุรกิจให้สามารถปรับตัวตามกระแสที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเร่งทำการตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษากลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้

ขณะที่การสร้างความร่วมมือกับผู้เล่นทั้งในกลุ่มและนอกกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร อาทิ แพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร บัตรเครดิต ห้างสรรพสินค้า และองค์กรต่างๆ ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญการรักษามาตรการรักษาความสะอาดยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่จะเข้ามาใช้บริการในภาวะที่ยังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้

อ้างอิง // ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

อ่านข่าวเกี่ยวกับร้านอาหาร และวัตถุดิบต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา