กสิกรไทยไตรมาส 1 ปี 67 กำไร 13,486 ล้านบาท โต 25.55%YoY เน้นโตสินเชื่อคุณภาพ

ขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังคงเผชิญข้อจำกัดในการฟื้นตัว เพราะแม้จะมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มในช่วงที่เหลือของปี 2567 มองว่า เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวได้ดี หากภาคการท่องเที่ยวยังคงขยายตัว และมีแรงหนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการอื่น ๆ ของภาครัฐ  

ในส่วนของธนาคาร ปีนี้ธนาคารกสิกรไทยวางยุทธศาสตร์ 3+1 ยังมุ่งการเติบโตสินเชื่ออย่างมีคุณภาพภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม การขยายธุรกิจรายได้ค่าธรรมเนียม เพิ่มประสิทธิภาพช่องทางการให้บริการ การแสวงหารายได้ใหม่ในระยะกลางและระยะยาว รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอน ไตรมาส 1 ปี 2567 ธนาคารพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 11,684 ล้านบาท โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพียงพอ สะท้อนสถานการณ์ในปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาสนี้มีจำนวน 13,486 ล้านบาท 

ผลประกอบการของธนาคารฯ ไตรมาส 1 ปี 2567 (ณ 31 มี.ค. 67) มีจุดสำคัญดังนี้

  • กำไรสุทธิอยู่ที่ 13,486 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • รายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 38,528 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
    (ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ: NIM อยู่ที่ 3.76% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 3.46%)
  • รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรวมอยู่ที่ 11,624 ล้านบาท ลดลง 0.64% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ อยู่ที่ 20,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Gross) อยู่ที่ 93,273 ล้านบาท ลดลง 1.03% จากสิ้นปีก่อนหน้า โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.19% ทรงตัวจาก ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2566 ที่อยู่ระดับ 3.19%

ทั้งนี้ ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 150.35%

ณ 31 มี.ค. 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,318,809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.82% จากสิ้นปี 2566 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากเงินลงทุนในตราสารทางการเงินเพิ่มตามการคาดการณ์ทิศทางอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิลดลงตามภาวะตลาด 

สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มี.ค. 2567 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 19.37%

ที่มา ธนาคารกสิกรไทย, SET

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา