ธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง หรือ Wealth management ในไทยแข่งขันกันรุนแรงมาหลายปี ส่วนหนึ่งเพราะคนรวยในไทยเพิ่มขึ้นเร็วไม่แพ้ประเทศอื่นๆ แค่ช่วงปี 2018-2023 นี้เฉพาะประเทศไทยคาดว่ากลุ่มเศรษฐีจะเติบโตสูงถึง 26%
ดังนั้นธนาคารทั้งหลายที่มีฐานลูกค้ากลุ่มนี้อยู่แล้ว ยิ่งต้องปรับตัวให้ทันลูกค้ากลุ่มนี้ เพราะมิฉะนั้นอาจจะย้ายไปอยู่กับคู่แข่งได้ ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยให้บริการ KBank Private Banking ในกลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของธนาคาร (AUM) 50 ล้านบาทขึ้นไป
KBank Private Banking เผยออฟฟิศใหม่ใกล้ Emquartier พื้นที่ 1,700 ตรม.
จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า KBank Private Banking เปิดตัวสำนักงานแห่งใหม่ที่อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ชั้น 42 ขนาดพื้นที่รวม 1,783 ตารางเมตร จุดเด่นคือมีส่วนเชื่อมต่อกับศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ แหล่งช้อปปิ้ง และรวมหลายกิจกรรมที่ลูกค้า KPB ที่เข้ามาใช้บริการอยู่แล้ว ดังนั้นธนาคารต้องปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าจึงย้ายออฟฟิศมาที่นี่เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง 4-5 ปีนี้
“ที่มาคอนเซ็ปต์ออฟฟิศใหม่ High – Net , High – Traffic ที่หมายถึงการนำตัวเอง ไปอยู่ในที่ที่ลูกค้าอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้ KBank Private Banking ใกล้ชิดลูกค้ามากขึ้น”
.
จุดเด่นอีกอย่างของออฟฟิศนี้คือ 80% วัสดุในออฟฟิศเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Recyclable and Environmental Friendly Office Materials) แต่ละห้องประชุมที่ใช้ในสำนักงานจะมีดีไซน์ที่แตกต่างกัน ตามแต่ละชื่อห้อง เช่น ห้องราษฎร์บูรณะ ห้องเจนีวา ห้องเสือป่า ฯลฯ
.
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์การย้ายออฟฟิศใหม่ คาดว่าจะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ากลุ่ม Wealth ของธนาคาร ปัจจุบัน KBank Private Banking มีลูกค้ากลุ่มบุคคลสินทรัพย์สูงประมาณ 11,000 ราย มีทรัพย์สินภายใต้การจัดการรวม 760,000 ล้านบาท คาดว่าแต่ละปีฐานลูกค้าจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5% ต่อปี
แล้วมุมพนักงานที่ทำงานในออฟฟิศใหม่นี้เป็นอย่างไร?
KBank Private Banking มีทีมงานอยู่ราว 160 คน การย้ายมาพื้นที่ใหม่จะสามารถรองรับพนักงานได้สูงสุด 200 คน รูปแบบของสำนักงานจะตอบสนองการทำงานแบบคนรุ่นใหม่มากขึ้น ทั้งการเพิ่ม Hot Desk และคอนเซ็ปต์ที่ว่าไม่มีโต๊ะทำงานประจำ ขณะเดียวกันมี Locker และตู้เสื้อผ้าสำหรับเก็บเสื้อสูทได้ด้วย
.
ทั้งนี้เป้าหมายในการสร้างออฟฟิศใหม่คือ Retaining Talents ความภาคภูมิใจในที่ทำงาน และความสุขให้กับพนักงาน รวมทั้งดึงดูดบุคลากรที่มีศักยภาพมาร่วมงาน
สรุป
ธุรกิจ Wealth Management ในไทยมีการแข่งขันสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะกลุ่มเศรษฐีของไทยมีมากขึ้น และธนาคารหาช่องทางที่จะเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นแม้ว่าในลูกค้ากลุ่ม Private Banking ที่มี AUM ตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไปจะไม่ได้เข้ามาใช้บริการสาขาบ่อยนัก (เพราะพนักงานให้บริการถึงบ้าน) แต่การสร้างเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ก็สามารถกระตุ้นให้เศรษฐีกลุ่มใหม่ หรือกลุ่มเดิมอาจจะอยากย้ายมาลองบริการก็เป็นได้
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
Related