แก้ปัญหา-ลดความเสี่ยงกับ Family Wealth Planning จาก KBank Private Banking เพื่อให้การส่งต่อธุรกิจครอบครัวเป็นไปอย่างยั่งยืน

ธุรกิจครอบครัวเป็นสัดส่วนที่ใหญ่มาก เรียกได้ว่าเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศไทย เพราะกว่า 80% ของ   GDP ประเทศไทยในปี 2019 มาจากรายได้ของธุรกิจครอบครัว และ จำนวน 3 ใน 4 ของธุรกิจที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นธุรกิจครอบครัว มีนามสกุลใหญ่ๆ มีเจ้าสัวหลายคน เป็นเจ้าของธุรกิจ  ดังนั้น การรักษาและและส่งต่อธุรกิจครอบครัวให้ยั่งยืน  จึงเป็นสร้างเศรษฐกิจไทยไปพร้อมกัน นี่คือสิ่งที่ KBank Private Banking ให้ความสนใจ

Kbank Private Banking

จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า ช่วงเวลานี้หลายคนมองว่าความเสี่ยงของภาคธุรกิจมีมากขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 แต่สำหรับธุรกิจครอบครัว มีความเสี่ยงมากกว่านั้น เช่น การเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี การส่งผ่านธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีหลายครอบครัวที่ไม่ได้ตระหนักถึงและเตรียมความพร้อม ในขณะที่  KBank Private Banking และ Lombard Odier พันธมิตรของเรา ที่มีความเชียวชาญและประสบการณ์ดูแลธุรกิจครอบครัวมาแล้วทั่วโลก เป็นเวลากว่า 200 ปี มองเห็น

Kbank Private Banking

ธุรกิจครอบครัวในไทยยังขาดการเตรียมพร้อม

จากการสำรวจของ Lombard Odier ในเดือนธันวาคม 2020 พบว่า 45% ของผู้มีความมั่งคั่งสูงในไทย ยังไม่ได้จัดทำธรรมาภิบาลครอบครัว แต่ให้ความสนใจวางแผนบริหารสินทรัพย์ครอบครัวในอนาคต

ขณะเดียวกัน จากการสำรวจ PWC Family Business Survey 2019 พบว่า 64% ธุรกิจครอบครัวยังไม่มีการวางแผนส่งต่อธุรกิจ รวมถึงการรับมือ Technology Disruption

เมื่อ 6 ปีก่อน KBank Private Banking เป็น Private Banking รายแรกที่เปิดให้บริการ Family Wealth Planning ในประเทศไทย จากการได้รับองค์ความรู้จากพันธมิตร Lombard Odier  ที่ว่าธุรกิจครอบครัวที่ไม่ได้มีการวางแผนการส่งต่อ มีอัตราการอยู่รอดค่อนข้างต่ำ โดยพบว่าธุรกิจครอบครัวทั้งชาติตะวันตกและตะวันออก 100 ราย ที่ไม่ได้มีการวางแผนบริหารจัดการทรัพย์สินครอบครัว จะมีธุรกิจที่รอดอยู่ถึงรุ่นที่ 4 เพียง 14 ราย หรือแค่ 14% เท่านั้น

สำหรับในประเทศไทย มีธุรกิจครอบครัวในรุ่นที่ 2 อยู่ 75% ในขณะที่อยู่ในรุ่น 3 และ 4 เพียง 4% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าธุรกิจครอบครัวของไทยอายุยังน้อย ยังขาดประสบการณ์ในการส่งต่อ 

ขณะที่ในยุโรป หรือ ญี่ปุ่น ส่งต่อกันถึงรุ่นที่ 7 และ 8 แล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าธุรกิจครอบครัวในไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ หากมีความรู้ มีการวางแผนและได้เตรียมความพร้อมที่ครบถ้วนจะช่วยรักษา ส่งต่อและสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจครอบครัว รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ อย่างยั่งยืนได้

ปัญหาส่วนใหญ่คือ “มากคนมากความ”

จิรวัฒน์ บอกว่า ปัญหาหลักคือ มากคนมากความ ไม่ได้มีแค่ครอบครัวเดียว แต่เป็นครอบครัวขยาย มีครอบครัวลูก ครอบครัวหลาน มีสมาชิกมากขึ้น มีคนนอกเข้ามาเกี่ยวข้องอีก โอกาสเกิดปัญหาก็มีมากขึ้น ขณะเดียวกัน ความมั่งคั่งของทรัพย์สินก็มีมากขึ้นด้วย มีการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มีเรื่องกฎหมาย เรื่องภาษี

การส่งต่อ การแบ่งทรัพย์สิน ให้เกิดความยุติธรรมแต่ไม่ได้เท่าเทียมสามารถทำได้อย่างไร ลูกคนโต ลูกคนรอง ลูกคนเล็ก ทายาทไม่อยากรับช่วงต่อธุรกิจ จะบริหารจัดการอย่างไร 

ปัญหานี้เหมือนกันทั่วโลก แต่แนวทางแก้ปัญหาแตกต่างกันไปตามแต่ละประเทศ KBank Private Banking มีพันธมิตรอย่าง Lombard Odier ที่มีประสบการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก สามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับกฎหมาย ขนมธรรมเนียมของไทย ให้สามารถก้าวผ่านความอ่อนไหวภายในครอบครัวไปได้

Kbank Private Banking

พีระพัฒน์ เหรียญประยูร Chief Wealth Planning, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า ปี 2019 ธุรกิจครอบครัวคือปัจจัยหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ สัดส่วนของ GDP ประเทศ 80% มาจากธุรกิจครอบครัว และมีมูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งถึงปัจจุบันยิ่งมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ

Kbank Private Banking

หากพิจารณาความเสี่ยงที่ธุรกิจครอบครัวต้องพบหลักๆ ได้แก่

  • ความขัดแย้งของสมาชิกในครอบครัว 
  • การบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ เอาสิ่งที่ใช้ในครอบครัว มาใช้ในธุรกิจครอบครัว 
  • การไม่มีแผนการส่งต่อธุรกิจให้ทายาท ขาดความเข้าใจ ขาดการเตรียมพร้อม

ทั้ง 3 ความเสี่ยงนี้ สามารถเตรียมวางแผนบริหารทรัพย์สินของครอบครัวเพื่อเตรียมรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ โดยแบ่งเป็น 

Kbank Private Banking

การบริหารจัดการความเสี่ยง 3 ส่วน คือ

  • ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก คือสิ่งที่มีผลกระทบกับธุรกิจครอบครัวมาโดยตลอด ไม่เพียงเฉพาะสถานการณ์โควิด-19 แต่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี (Technology Disruption) การหยุดชะงักของหลายอุตสาหกรรม
  • ความเสี่ยงด้านภาษี หลายครอบครัวมีบัญชีหลายเล่ม ตอนนี้ระบบภาษีของโลกไปไกลมาก ทั่วโลกเริ่มมีระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางภาษี และไทย ก็ร่วมระบบนี้ด้วย ดังนั้นการเก็บภาษีจะเข้มงวดมากขึ้น กรมสรรพากรจะเข้ามาตรวจสอบมากขึ้น
  • ความเสี่ยงจากการถือครองทรัพย์สินและค่าใช้จ่าย เช่น เงินฝาก ก็มีความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ถ้าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ เท่ากับว่าสินทรัพย์กำลังลดค่าลงเรื่อยๆ

Kbank Private Banking

การจัดการระบบกงสีอย่างยั่งยืน

  • การกำหนดกติกาในครอบครัว การขาดกติการอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในครอบครัว
  • การจัดโครงสร้างการถือครองทรัพย์สิน เช่น การใช้บริษัท Holding หรือ ทรัสต์ในต่างประเทศ

Kbank Private Banking

การให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งอย่างราบรื่น

  • การมีเป้าหมายร่วมกันของสมาชิกในครอบครัว หลังจากกำหนดทุกอย่างข้างต้น ทุกคนมีแนวโน้มจะมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน
  • การเตรียมความพร้อมให้กับคนที่มารับช่องต่อธุรกิจ
  • การวางแผนการส่งต่อธุรกิจ

Kbank Private Banking

ตอบโจทย์ธุรกิจครอบครัวด้วยบริการ 6 ด้าน

บริการ Family Wealth Planning ของ KBank Private Banking มีเป้าหมายเพื่อช่วยรักษาทรัพย์สินที่สร้างมา ต้องมีการเติบโตและส่งต่อให้กับรุ่นต่อไป โดยแบ่งเป็น 6 บริการหลัก ได้แก่

  1. การจัดโครงสร้างการถือครองทรัพย์สินของครอบครัว (Asset Holding Structures) เช่น ที่ดิน กิจการของครอบครัว ว่าควรอยู่ในรูปแบบใด ซึ่งรวมไปถึงการจัดการระบบกงสี ระบบสวัสดิการของครอบครัว ให้สอดคล้องกับข้อตกลงของครอบครัว และคำนึงถึงการวางแผนภาษีควบคู่ไปพร้อมกัน
  2. การบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับทรัพย์สินของครอบครัว (Financial Asset, Liability and Risk Management) เช่น การบริหารจัดการภาษี, หนี้สิน ความขัดแย้ง การสืบทอดกิจการ
  3. การสร้างกติกาของครอบครัวและการสืบทอดธุรกิจอย่างเป็นระบบ (Family Continuity Planning) คือ การสร้างธรรมนูญของครอบครัวเพื่อ ลดความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจ ทำให้ธุรกิจครอบครัวสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน และยังนำไปประยุกต์ใช้กับทรัพย์สินกงสีของครอบครัวได้
  4. การวางแผนส่งต่อทรัพย์สินจากรุ่นสู่รุ่น (Inheritance and Wealth Transfer) การส่งต่อธุรกิจอย่างราบรื่น รวมถึง ภาษีมรดกต่างๆ
  5. การทำสาธารณกุศล (Philanthropy) คือ การสร้างประโยชน์ต่อสังคม สร้างชื่อเสียงให้กับครอบครัว
  6. การทำหน้าที่เป็นสำนักงานของครอบครัว (Family Office) ดูแลสวัสดิการต่างๆ สมาชิกในครอบครัว ดำเนินการตามแผนการบริหารสินทรัพย์ของครอบครัว และอื่นๆ

การทำงานของ KBank Private Banking จะทำแบบ 1ต่อ1 คือทำงานโดยตรงกับครอบครัว ให้ความรู้ แนะนำ วางแผน ดำเนินการ ครอบคลุมสินทรัพย์ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีความแม่นยำและเป็นปัจจุบันที่สุด เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ดังนั้นบางเรื่องอาจใช้เวลามากน้อยแตกต่างกันไป เป็นงานที่เน้นด้านคุณภาพมากกว่าปริมาณ

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา KBank Private Banking ให้บริการลูกค้า 3,600 ราย หรือประมาณ 720 ครอบครัว ครอบคลุมสินทรัพย์ครอบครัวทั้งธุรกิจและที่ดิน มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท และภายใน 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าว่าจะให้บริการ Family Wealth Planning ครอบคลุมลูกค้า 50% ของพอร์ตหรือ 6,000 รายจาก 12,000 ราย

สรุป

8090% ของธุรกิจทั่วโลกเป็นธุรกิจครอบครัว และมีไม่น้อยที่ล้มหายตายจากไป เนื่องจากมีความอ่อนไหวระหว่างความเป็นครอบครัวและธุรกิจ ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ความขัดแย้งภายในครอบครัว การไม่มีแผนส่งต่อธุรกิจรุ่นสู่รุ่น แต่ปัญหาหลักของธุรกิจครอบครัวในไทย คือ การบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ ปล่อยให้เป็นไปตามขนมธรรมเนียม หรือตามธรรมชาติ

ดังนั้นบริการ Family Wealth Planning จาก KBank Private Banking จึงเป็นหนึ่งในทางออกสำหรับธุรกิจครอบครัว ที่ต้องการจะรักษา สร้างการเติบโต และส่งต่อทรัพย์สินอย่างยั่งยืนต่อไป

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา