KBank บุกเวียดนาม เน้นขยายธุรกิจผ่านแพลตฟอร์ม รุกภูมิภาค AEC+3 ทุ่มงบลงทุน 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ธนาคารกสิกรไทย รุกหนักภูมิภาค AEC+3 แบบเต็มสูบ เตรียมทุ่มงบกว่า 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ลงทุนในสตาร์ทอัพ และเข้าซื้อกิจการในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ รุกตลาดภูมิภาคในรูปแบบชาเลนเจอร์แบงก์ เน้นการขยายธุรกิจด้วยการให้บริการบนระบบดิจิทัลที่จะทำให้ธนาคารกสิกรไทยสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานท้องถิ่นได้แบบคล่องตัว 

ลุยเศรษฐกิจยุคหลังโควิด 19 เดินหน้าธุรกิจธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค 

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนยุคหลังโควิด 19 มีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นบวก และยังโดดเด่นกับตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่ ที่มีสัดส่วนประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากจึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายตัวของดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ธนาคารจึงเดินหน้าขยายบริการในภูมิภาคเพื่อเชื่อมต่อโอกาสให้แก่ธุรกิจไทย และส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการในประเทศท้องถิ่น เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและสินเชื่อได้สะดวกและครอบคลุมความต้องการในทุกพื้นที่ 

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ชี้ให้เห็นว่า เราได้เห็นพลวัตรของเวียดนามที่แตกต่างไปจากเดิม เติบโตได้ก้าวกระโดดคล้ายประเทศไทยในช่วงโชติช่วงชัชวาลเมื่อก่อน เราเห็นศูนย์การเติบโตเคลื่อนย้ายมายังเอเชีย และเวียดนามอาจจะเป็นประเทศที่มีศักยภาพที่สุดในคลื่นลูกนี้ แม้แต่ในช่วงโควิดเองที่ประเทศจำนวนมากเติบโตแบบติดลบ เวียดนามก็ยังขยายตัวได้ถึง 2%

เวียดนามมีแนวโน้มเติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน เนื่องจากศักยภาพในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก ที่ผ่านมาแทบไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด19 มีสัดส่วนหนี้สาธารณะต่ำกว่า 60% ของ GDP และยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะข้างหน้า คาดว่าภายในปี 2573 เวียดนามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูงและเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588  

ทั้งนี้ เวียดนามมีนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมเป้าหมายในการเป็น “ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี” แห่งใหม่ของเอเชีย ในขณะที่มีประชากรกว่า 100 ล้านคน มีอายุเฉลี่ยค่อนข้างน้อย ส่วนมากอยู่ในวัยทำงาน มีการเติบโตของชนชั้นกลางอย่างมีนัยสำคัญ โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของการอุปโภคบริโภคที่ 7% ใน 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังเปิดกว้างต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายทางดิจิทัล โดยพบว่าประชากรเวียดนามมากกว่า 50% ซื้อสินค้าออนไลน์ 

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย

ธุรกิจในจีนของกสิกรไทยถือเป็นสัดส่วนรายได้ต่างประเทศอันดับ 1 ของธนาคารกสิกรไทย ส่วนกัมพูชาเป็นอันดับ 2 หลังจากเข้าไปได้ 3 ปี แต่ที่น่าสนใจคือ เวียดนามเราเพิ่งเข้ามาเปิดได้ไม่นานก็เริ่มมีสัดส่วนเทียบเท่ากัมพูชาแล้ว ปัจจุบันในเวียดนาม มีผู้ใช้แอปพลิเคชัน K PLUS Vietnam แล้วเกือบแสนคน เราให้บริการสินเชื่อออนไลน์โดยใช้ข้อมูลบนแพลตฟอร์มดิจิทัล และเพิ่งจะให้บริการเครื่องรับชำระแบบ EDC ได้ 28 วัน

กลยุทธ์ผสาน  3  จุดแข็ง  ความสัมพันธ์ลูกค้า-พันธมิตร-เทคโนโลยี  

ที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยขยายธุรกิจในตลาดภูมิภาค AEC+3  ด้วยยุทธศาสตร์ Asset-Light Digital Banking Strategy ที่มุ่งเน้นรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยลงทุนและร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพในท้องถิ่น ทำให้ธนาคารมีความรุดหน้าด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีบริการที่ตรงใจผู้ใช้งานได้มากขึ้น โดยมีกลยุทธ์การทำธุรกิจใน 3 แนวทาง ได้แก่ 

  • รุกขยายสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจ (Aggressive Play) ทั้งลูกค้าที่เข้าไปลงทุนและลูกค้าท้องถิ่น 
  • ขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรของธนาคาร (Mass Acquisition Play) เน้นการให้บริการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล และต่อยอดไปสู่การเชื่อมต่อการทำธุรกรรมในระดับภูมิภาค ด้วยการเป็น Regional Payment Platform
  • พัฒนาการให้บริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ (Disruptive Play) โดยเฉพาะการให้สินเชื่อดิจิทัล โดยใช้ Alternative Data ซึ่งทำให้ธนาคารเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Underbanked ซึ่งเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ใน AEC+3 ได้มากขึ้นใน และสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจ Banking-as-a-Service (Baas) ได้ 

ลุยตลาดเวียดนาม เน้นบริการแบบดิจิทัล

ธนาคารกสิกรไทยจะเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่นำ “ดิจิทัล โปรดักส์ โซลูชัน” เน้นการให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลเต็มรูปแบบ ให้บริการลูกค้าทุกเซกเมนต์ ทั้งกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นและต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม  โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง ธุรกิจบริการ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน ธุรกิจอุตสาหกรรม และลูกค้าบุคคลและธุรกิจขนาดเล็ก โดยผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝาก สินเชื่อบุคคล และระบบการรับชำระเงิน โดยนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีของธนาคารในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งและโมบายแบงกิ้งของไทย ไปต่อยอดการพัฒนาบริการให้แก่ลูกค้าในเวียดนาม  

ทั้งการใช้ K PLUS Vietnam เป็นแกนหลักในการสร้าง Digital Lifestyle Ecosystem ให้แก่ลูกค้าบุคคล เพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าได้ทั่วประเทศ และการออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อดิจิทัล โดยเริ่มจาก KBank Biz Loan ที่ให้สินเชื่อแก่ร้านค้าขนาดเล็ก โดยเน้นการเข้าถึงลูกค้าผ่านทางพันธมิตรและแพลตฟอร์มท้องถิ่นผ่านการลงทุนของ KASIKORN VISION ซึ่งเป็นบริษัททำหน้าที่ด้านการลงทุนของธนาคาร และการตั้ง KBTG Vietnam เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการทั้งในเวียดนามและในภูมิภาค 

ยุทธศาสตร์ธนาคารยุคใหม่แห่ง AEC+3

นายพิพิธ กล่าวด้วยว่า ธนาคารกสิกรไทยได้เดินหน้าเข้าสู่ตลาดของเวียดนาม พร้อมบริการดิจิทัลที่เชื่อมต่อเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางธนาคารและแพลตฟอร์มพันธมิตรครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงยุทธศาสตร์ของธนาคารในการก้าวเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3 อย่างสมบูรณ์แบบ 

ด้วยการใช้วิธีการแบบชาเลนเจอร์แบงก์ ที่เน้นความคล่องตัวสูงและเข้าถึงผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยี ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะสามารถเชื่อมต่อบริการธนาคารสู่ลูกค้าท้องถิ่นในเวียดนามได้ในวงกว้าง สะดวก รวดเร็ว และตรงความต้องการ ตั้งเป้าหมายในปี 2566 จะมีลูกค้าบุคคลเวียดนาม 1.2 ล้านราย ปล่อยสินเชื่อรวมได้ 20,000 ล้านบาท พร้อมขยายผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง  

ทั้งนี้ ในเวียดนาม สัดส่วนคนหนุ่มสาวจำนวนมาก คนเหล่านี้มี Digital Literacy สูง พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ปรับตัวได้เร็วในเรื่องดิจิทัล และนี่ก็เป็นโอกาสของธนาคารกสิกรไทยในเวียดนาม เพราะเราเข้าไปโดยตั้งเป้าว่าจะมี 1 สาขาในนครโฮจิมินห์ และลุยตลาดด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์ม

ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายการให้บริการในต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง โดยมีสาขานครโฮจิมินห์เป็นสาขาล่าสุด มีสถาบันทางการเงินที่เป็นพันธมิตรกว่า 84 แห่งทั่วโลก เครือข่ายสตาร์ทอัพในภูมิภาคที่ธนาคารลงทุนและพันธมิตรรวมมากกว่า 20 ราย และมีฐานลูกค้าในภูมิภาคกว่า 1.85 ล้านคน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา