ถอดรหัสความสำเร็จบทใหม่ เมื่อ KBank จัดทัพ 3 กูรูด้าน AI เวิร์กช้อปพลิกเกมธุรกิจให้ลูกค้า K SME SIERRA โตต่อไปได้อีก

ในวันที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นสมการสำคัญของการอยู่รอดและความสำเร็จทางธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME จำนวนมากต่างเผชิญกับคำถามเดียวกัน: “เราจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร” และ “คุณมี ‘ทางลัด’ ที่ดีกว่าคู่แข่งแล้วหรือยัง?” นี่ไม่ใช่แค่คำถามที่ท้าทาย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่หลายคนกำลังแสวงหา

ท่ามกลางกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้ ธนาคารกสิกรไทยได้มอบคำตอบที่เหนือกว่า ด้วยการจัดงานสัมมนาและเวิร์กช้อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “AI-Powered Transform Your Business” ซึ่งไม่ใช่แค่งานให้ความรู้ทั่วไปที่ใครก็เข้าร่วมได้ แต่เป็นประสบการณ์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษสำหรับลูกค้า K SME SIERRA ภายใต้แนวคิด “We Groom, You Grow” K SME ใส่ใจให้ธุรกิจ…ไปได้อีก

งานนี้เปรียบเสมือนการเปิดม่านสู่โลกธุรกิจที่เหนือกว่า ที่ซึ่งความรู้ไม่ได้มาจากการบรรยาย แต่มาจากการลงมือทำจริง แลกเปลี่ยนมุมมองกับกูรูชั้นนำของประเทศ และสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นขององค์ความรู้และประสบการณ์ที่เงินก็ซื้อไม่ได้

ไม่ใช่แค่ความรู้ แต่คือประสบการณ์ที่น่าอิจฉา

สิ่งที่ทำให้งานสัมมนานี้แตกต่างและสร้าง “ความได้เปรียบให้ธุรกิจ” คือการตอกย้ำว่านี่เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” ของสิทธิพิเศษที่ลูกค้า K SME SIERRA ได้รับเท่านั้น งานนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โปรแกรม E.D.G.E. ที่ธนาคารกสิกรไทยออกแบบมาเพื่อเสริมศักยภาพให้ลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจระดับแนวหน้า ไม่ได้มีเพียงความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการ แต่ยังมีการสนับสนุนรอบด้านจากพาร์ทเนอร์ที่เข้าใจจริงอย่าง KBank ที่พร้อมจะมอบโอกาส, เครือข่าย และความรู้ที่ “เหนือกว่า” ให้เสมอ

ดังนั้นเป้าหมายของงานในครั้งนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นั่นคือการสรุปเนื้อหาสำคัญจากวิทยากรแต่ละท่าน และเปลี่ยนแนวคิดเชิงทฤษฎีให้กลายเป็นการสาธิตการใช้งานจริง เพื่อให้ลูกค้าสร้างแต้มต่อทางธุรกิจ และต่อยอดความสำเร็จจากเวิร์กช้อปที่เนื้อหาอัดแน่นพร้อมให้นำไปปรับใช้ได้ทันที

จุดเริ่มต้นที่ทรงพลังที่สุดอยู่ที่ ‘ข้อมูล’ ในมือคุณ

คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ CEO & Founder, Pay Solutions และ TARAD Dot Com ได้เปิดประเด็นอย่างทรงพลังว่า หัวใจของการนำ AI มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดไม่ได้เริ่มต้นจากเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แต่เริ่มจากสิ่งพื้นฐานที่สุดที่ทุกธุรกิจมีอยู่แล้ว นั่นคือ “ข้อมูล” หากไม่มีข้อมูล ก็เปรียบเสมือนการมี AI ที่ปราศจากสมอง

กรณีศึกษาที่สร้างความเข้าใจอย่างชัดเจนคือเรื่องราวของ “ร้านอาหารตามสั่ง” ที่แก้ปัญหาบริการล่าช้าในช่วงเวลาเร่งด่วนด้วยการเริ่มเก็บข้อมูลเมนูที่ขายดีในแต่ละช่วงเวลา ข้อมูลเผยให้เห็นว่าช่วง 10 โมงเช้าถึงเที่ยง เป็นเวลาของเมนูกะเพราหมูสับและไข่ดาว เมื่อทราบเช่นนี้ ร้านจึงสามารถ “คาดการณ์” และเตรียมวัตถุดิบล่วงหน้าได้ ผลลัพธ์คือการลดเวลารอต่อจานจาก 5 นาที เหลือเพียง 2 นาที หรือเร็วขึ้นถึง 60% นี่คือข้อพิสูจน์ว่าทุกธุรกิจสามารถเปลี่ยนสิ่งที่พวกเขามีอยู่แล้วให้กลายเป็นความได้เปรียบมหาศาลได้

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ นี้ คุณภาวุธได้วางรากฐานสู่การเป็นองค์กร AI ด้วย 3 ขั้นตอนสำคัญคือ

  • นำซอฟต์แวร์มาใช้ (Software): เปลี่ยนข้อมูลจากกระดาษสู่ดิจิทัลในทุกส่วนงาน ตั้งแต่บัญชี, การขาย, CRM ไปจนถึง HR
  • สร้างความโปร่งใสของข้อมูล (Data Transparency): แชร์ข้อมูลให้พนักงานทุกคนเห็นเป้าหมายเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าด้วยกัน
  • ทำระบบอัตโนมัติ (Automation): เชื่อมต่อซอฟต์แวร์ต่าง ๆ เพื่อลดขั้นตอนซ้ำซ้อน เช่น การใช้ e-Signature ลดกระบวนการเซ็นเอกสารจาก 2 สัปดาห์ เหลือไม่ถึงชั่วโมง และประหยัดต้นทุนได้ถึง 90%

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการนำ AI ไปใช้ในองค์กรของคุณภาวุธนั้น สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น ฝ่ายบัญชีลดเวลาตอบคำถามกฎหมายภาษีจาก 2 ชั่วโมง เหลือ 5 นาที ฝ่ายออกแบบสร้างภาพโฆษณา 1 ภาพ จาก 1 ชั่วโมง เหลือ 5 นาที และฝ่ายบุคคลสามารถเขียนรายละเอียดตำแหน่งงาน (Job Description) ได้ใน 1 นาที

ศิลปะการสั่งงาน AI และสิ่งที่ต้องระวังเมื่อก้าวสู่โลกใหม่

เมื่อมีข้อมูลและเครื่องมือแล้ว คำถามต่อไปคือ “จะใช้งาน AI อย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด” คุณสุรศักดิ์ เหลืองอุษากุล Co-Founder, Director of Planning & Ideas จาก BrandBaker ได้ไขคำตอบในประเด็นนี้ โดยชี้ว่า AI สามารถเป็นผู้ช่วยได้ตั้งแต่กระบวนการสร้างแบรนด์, ออกแบบโลโก้, คิดสโลแกน, สร้างคอนเทนต์โฆษณา ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและคู่แข่งในเชิงลึก

หัวใจสำคัญคือ “ศิลปะการใช้ Prompt” หรือการสร้างชุดคำสั่งที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประกอบด้วย 3 หลักการสำคัญคือ

  1. กำหนดไอเดีย (Idea): ระบุเป้าหมายที่ต้องการให้ AI ทำให้ชัดเจน
  2. ป้อนข้อมูล (Input): ใส่บริบทและตัวอย่างที่จำเป็นเพื่อให้ AI เข้าใจเนื้องานอย่างถ่องแท้
  3. ระบุผลลัพธ์ (Output): กำหนดรูปแบบผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น “ขอภาษาที่ผู้บริหารเข้าใจ” หรือ “สรุปสั้นๆ

คุณสุรศักดิ์แนะนำเคล็ดลับเพิ่มเติมคือ การกำหนดบทบาทสมมติให้ AI เช่น “คุณคือดีไซเนอร์ระดับโลก” เพื่อยกระดับคุณภาพของผลงานให้ดียิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ AI จะทรงพลัง แต่ก็มีข้อจำกัดและความท้าทายที่ต้องตระหนัก ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาเตือนผู้ประกอบการประกอบด้วย

  • การขาดสามัญสำนึก (Common Sense): AI เรียนรู้จากข้อมูล แต่ขาดความเข้าใจในบริบทของโลกความเป็นจริง คุณสุรศักดิ์ย้ำเตือนอย่างหนักแน่นว่า “อย่า Outsource Common Sense ให้น้อง (AI) โดยเด็ดขาด” เพราะมนุษย์ยังคงต้องเป็นผู้ตรวจสอบและตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย
  • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อผิดพลาด (Legal Risk): AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง (Hallucination) และผลงานที่ AI สร้าง เช่น โลโก้ ไม่สามารถนำไปจดเครื่องหมายการค้าได้ตามกฎหมายปัจจุบัน จึงควรใช้ผลลัพธ์จาก AI เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นเท่านั้น

การบรรยายของคุณสุรศักดิ์ไม่ได้เพียงสอนให้ ‘ใช้’ แต่สอนให้ ‘ใช้เป็น’ และ ‘ปลอดภัย’ ซึ่งเป็นความรู้ระดับ Masterclass ที่มีให้เฉพาะที่นี่เท่านั้น

จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริงของ CEO แห่ง Snaxfarm

ปิดท้ายด้วยมุมมองจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จในการนำ AI มาประยุกต์ใช้จริง คุณโสฬส เตียวเดชวรรณ CEO & Co-Founder บริษัท แอคทีฟพลัส บลู จำกัด ผู้ผลิตขนมทองม้วนแบรนด์ Snaxfarm ได้แบ่งปันบทเรียนจากประสบการณ์ตรงที่ทรงคุณค่า

คุณโสฬสเริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติ โดยมองว่า AI ไม่ใช่ผู้มาแทนที่ แต่เป็น “เพื่อนคู่คิด” (Thinking Partner) ที่ช่วยเสริมศักยภาพให้ผู้บริหารเก่งขึ้น ภัยคุกคามที่แท้จริงไม่ใช่ AI แต่คือคนที่ไม่ปรับตัว ซึ่งจะถูกแทนที่โดยคนที่ใช้ AI ได้อย่างเชี่ยวชาญ

หัวใจของการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดคือ “การถามให้เป็น” การถามคำถามกว้างๆ เช่น “จะลดต้นทุนบริษัทได้อย่างไร” มักได้คำตอบที่ใช้ไม่ได้จริง เทคนิคสำคัญคือการตั้งคำถามโดยบอกเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น “ต้องการแผนในการลดของเสียในกระบวนการผลิตลง 5% โดยระบุจุดที่เกิดของเสีย” การถามทีละขั้นตอนเพื่อสร้างฐานข้อมูลให้ AI ก่อน แล้วจึงถามเชิงลึกต่อไป ก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่ช่วยให้ได้คำตอบที่แม่นยำขึ้น

ผลลัพธ์จากการนำ AI มาใช้ในบริษัทนั้นสามารถวัดผลเป็นตัวเลขที่จับต้องได้ดังนี้

  • การบริหารทรัพยากรบุคคล (HR): ใช้ AI ช่วยร่างประกาศรับสมัครงานและคัดกรองเรซูเม่ ทำให้ฝ่าย HR ประหยัดเวลาได้อย่างมหาศาล
  • การวิจัยและพัฒนาตลาด: ใช้ AI วิเคราะห์ตลาดใหม่ ๆ และทำความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค แทนการจ้างบริษัทที่ปรึกษาราคาแพง

คุณโสฬสเปิดเผยว่า การประยุกต์ใช้ AI ในกระบวนการเหล่านี้ ช่วยให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของที่ปรึกษาไปได้ถึงปีละ 400,000-500,000 บาท

สัมมนาเป็นเพียงจุดเริ่มต้น รู้จักจักรวาลแห่งสิทธิพิเศษของ K SME SIERRA

งานสัมมนา AI-Powered Transform Your Business เป็นเพียงหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โปรแกรม E.D.G.E. ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลูกค้า K SME SIERRA โดยเฉพาะ ซึ่งแนวคิดของโปรแกรมนี้ประกอบด้วย

  • E: Engagement – โอกาสในการต่อยอดและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ ระดับ K SME SIERRA
  • D: Digital Transformation – การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • G: Growth – การขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เช่น การบริหารธุรกิจครอบครัว
  • E: Expansion การขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ ๆ ทั้งช่องทางออนไลน์และระดับโลก

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำแนวคิด “We Groom, You Grow” K SME ใส่ใจให้ธุรกิจ…ไปได้อีก ที่ KBank ไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้บริการทางการเงิน แต่พร้อมที่จะเป็น “พาร์ทเนอร์” ที่จะสนับสนุนลูกค้าธุรกิจให้เติบโตไปพร้อมกันผ่านการสนับสนุนรอบด้าน

สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ไม่เคยหยุดพัฒนา นี่คือภาพสะท้อนของความสำเร็จอีกระดับที่ K SME SIERRA ได้รังสรรค์ไว้ให้สำหรับพาร์ทเนอร์คนสำคัญ เพราะความสำเร็จในยุคนี้ไม่ได้วัดกันที่ความขยันเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเข้าถึงโอกาส, เครือข่าย และองค์ความรู้ที่ “เหนือกว่า” และบางทีเบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจชั้นนำ อาจมีความลับที่เรียกว่า ‘สิทธิพิเศษ’ ซ่อนอยู่ และนี่คือสิ่งที่ KBank มอบให้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Branded Content เป็นบทความที่ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์