โอกาสสำคัญสำหรับสตาร์ทอัพที่หาได้ไม่ง่ายนัก สำหรับช่วงเวลาที่โลกเพิ่งผ่านมรสุมโรคระบาดมาได้ไม่นานและกำลังอยู่ในห้วงวิกฤตลูกใหม่ที่เสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภาวะเงินเฟ้อที่ทุบหลายประเทศมาแล้วทั่วโลก สถานการณ์ที่กลุ่มทุนธุรกิจน้อยใหญ่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีหากคิดจะลงทุน โครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2022 ภายใต้การนำของกสิกรไทยเปิดโอกาสให้เหล่าสตาร์ทอัพได้พัฒนาความรู้ ขยายเครือข่าย ผลักดันไอเดียทางธุรกิจให้เป็นจริงได้ถ้าตั้งใจและมีความพยายามมากพอ
ภาพรวมของสตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันและความแตกต่างจากสตาร์ทอัพระดับโลก
ธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) เล่าถึงภาพรวมสตาร์ทอัพไทยในปัจจุบันว่า ในปีที่ผ่านมาการลงทุนสตาร์ทอัพค่อนข้างเฟื่องฟูการลงทุนปีที่แล้วถือว่าคึกคักมาก ในไทยมีสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นมีดีลใหญ่เกิดขึ้นค่อนข้างเยอะ โดยส่วนมากจะเกิดกับสตาร์ทอัพที่เติบโตได้ดีแล้วแต่ยังไม่ค่อยเห็นในระดับ Early Stage มากนัก
ในปีนี้เริ่มมีวิกฤตหลายอย่างที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน ภาวะเงินเฟ้อที่นำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ย บริษัทใหญ่หลายรายเริ่มระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับ Performance ของตลาดไม่ค่อยดี มีปัญหาค่อนข้างเยอะ ทำให้มีหลายคนวิเคราะห์ว่าการลงทุนในสตาร์ทอัพปีนี้มีปัญหาพอสมควร การลงทุนมีแนวโน้มลดลงแน่นอน ระดับการลงทุนในสตาร์ทอัพของไทยน่าจะยังมีอยู่แต่ไม่เน้นการลงทุนเพื่อหวังผลกำไร โดยส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนจาก CVC ที่มองเรื่อง Synergy เป็นหลัก ทั้งนี้ ต้องดูเรื่องราคาของสตาร์ทอัพให้เหมาะสมด้วย ปีทองที่ผ่านมาถือว่ามีราคาสูง ถ้าปีนี้มีศักยภาพดีพอก็อาจมีโอกาสเพิ่มขึ้น
หากต้องเปรียบเทียบระหว่างสตาร์ทอัพไทยกับระดับโลก ต้องบอกว่าแตกต่างกันพอสมควรเพราะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของสตาร์ทอัพระดับโลกส่วนใหญ่คือการทำธุรกิจแบบ B2B ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าระดับ B2C ไม่ดี แต่โอกาสความสำเร็จจะได้มาค่อนข้างยาก ในระดับ B2B จะหารายได้สม่ำเสมอง่ายกว่า หากเทียบกับระดับโลก สตาร์ทอัพไทยยังอยู่ในประเทศเป็นหลักค่อนข้างเทียบได้ลำบาก ถ้าพูดถึงระดับ B2B ในด้านบริการไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ถ้า B2C เราไม่ได้มีตลาดใหญ่ขนาดนั้นก็ถือว่าต่างกันเยอะ
บทบาทของ KBank ในการส่งเสริมและผลักดันสตาร์ทอัพผ่านโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2022
KBank มีหลายบทบาทมาก ทั้งในรูปแบบผู้ใช้งานจริงมีทั้งใช้บริการจากทางสตาร์ทอัพมากขึ้น มีการพัฒนาร่วมกันในระดับ Global Wealth เริ่มให้สตาร์ทอัพมาช่วยและยังมีโครงการ KATALYST ที่เป็นตัวเสริมทัพช่วยสร้างฐานรากให้สตาร์ทอัพสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและพัฒนาตัวเองได้อย่างยั่งยืน KBank เดินหน้าสนับสนุนหลายบทบาท ด้วยการเน้นสร้างคอมมูนิตี้ให้แข็งแกร่งผ่านโครงการ KATALYST ซึ่งถือเป็นโครงการภายใต้ Beacon VC และในส่วนของ Beacon VC เองก็สนใจลงทุนในสตาร์ทอัพที่อยู่ในระยะหลังหรือในกลุ่มธุรกิจที่เติบโตมั่นคงแล้ว
กลุ่มสตาร์ทอัพที่เติบโตในระยะแรกหรือกลุ่ม Early Stage มีผู้ที่คอยให้ความรู้ลดน้อยลง KBank จึงได้นำโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD ขึ้นมาเพื่อช่วยดูแลสตาร์ทอัพในกลุ่มนี้ ตอนนี้จัดทำโครงการผ่านไป 2 รุ่น 2 ปีแล้ว กิจกรรมในโครงการส่วนใหญ่คือเน้นสร้างคอมมูนิตี้ที่แข็งแกร่ง มีทั้งการจัดสัมมนา จัดเวิร์กชอป มีเน็ตเวิร์กกิ้ง มีการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้ โดยถ่ายทอดองค์ความรู้ที่มุ่งเน้นการเติบโตทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับสากลให้กับสตาร์ทอัพในประเทศไทย ให้สามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจของตนเองและนำความรู้ดังกล่าวไปใช้อย่างเป็นรูปธรรม โดยเนื้อหาของหลักสูตรจะรวมถึง องค์ความรู้ในหลักสูตรแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยภายใต้ Stanford Thailand Research Consortium นำโดยรองศาสตราจารย์ Charles (Chuck) Eesley จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มีทีมเมนทอร์ของไทยและต่างประเทศทั้งจากศิษย์เก่าและอาจารย์ รวมทั้งผู้ที่มีประสบการณ์ในด้านธุรกิจและนวัตกรรม เรียกได้ว่าเป็นเมนทอร์ระดับที่เราไม่สามารถหาได้ด้วยตัวเองง่ายๆ
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังทำมา 2 ปี ทั้ง e-Learning ทั้งสัมมนาหลายร้อยบริษัท มีการทำธุรกิจร่วมกันกับทางกสิกรไทยบ้าง มีการรีเควสต์จากหลายๆ ฝ่ายงานใน KBank ที่จะหา Solution ที่สามารถตอบโจทย์ธนาคารได้ นอกจากนี้ก็คือการให้ความรู้เรื่องบริการของธนาคารเอง เช่น บริการเรื่อง Payment ความรู้เรื่องทั่วไปที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพสตาร์ทอัพในระยะแรกหรือรุ่น Early Stage ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งก็มีสตาร์ทอัพบางรายก็ได้รับการแนะนำให้ทางธนาคารได้ทำธุรกิจร่วมบ้างก็ทำให้เขาให้บริการได้เร็วขึ้น
โครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2022 : เพิ่มความรู้ ขยายเครือข่าย พร้อมคำแนะนำจากเมนทอร์ระดับโลก
สำหรับจุดเด่นของโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD นี้ที่ทำมาแล้วสองรุ่น ผ่านมาแล้วสองปีและยังเดินหน้าพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้เรียนได้รับความรู้อย่างเข้มข้นพร้อมใช้งาน สร้างฐานรากของความรู้ให้แข็งแกร่ง ในช่วงสองปีที่ผ่านมาที่มีการระบาดของโควิดทำให้ต้องเน้นการให้ความรู้และฝึกฝนแบบออนไลน์นั้น ครั้งนี้จะมีทั้งการให้ความรู้ที่มีคุณภาพมากขึ้นและเน็ตเวิร์กมากขึ้นผ่านการจัดกิจกรรมออฟไลน์ที่เพิ่มขึ้น เน้นเนื้อหาค่อนข้างหนักแน่น
โครงการนี้จะช่วยสร้างแนวคิดที่ดีของการเป็นสตาร์ทอัพที่ไม่ใช่ความเท่ห์หรือความเก๋ในการทำธุรกิจ แต่จะต้องทุ่มเทอย่างหนักเพื่อจะประสบความสำเร็จได้ อีกทั้งเมนทอร์ที่มาให้คำแนะนำนั้นมีทั้งในประเทศไทยและในระดับโลกถือเป็นจุดเด่นของโครงการที่หาไม่ได้ง่ายนัก อีกทั้งเมนทอร์ที่ทาง Beacon VC ช่วยหาให้ก็ถือเป็นระดับ Top Tier
สำหรับผู้ที่เข้ามาเรียนถ้าหากไม่มีส่วนร่วมกับคอร์ส ไม่ส่ง Assignment จะต้องถูกตัดสิทธิ ต้องมี Commitment ยิ่งมีความใฝ่รู้ก็ได้ความรู้เพิ่มขึ้น ถ้าสตาร์ทอัพอยากเติบโตอย่างยั่งยืนควรมาเรียนที่คอร์สนี้ โอกาสที่จะได้ร่วมงานกับทาง KBank นั้น หากว่ามิติในการให้บริการตรงกันก็อาจได้ร่วมงานกันอาจจะได้รับเงินลงทุน หาก Beacon VC เปิดให้สถาบันอื่นเข้ามาร่วมด้วยอาจมีนักลงทุนเพิ่มขึ้น เหล่านี้ก็จะกลายเป็น Angel Network ซึ่งก็ถือเป็นเครือข่ายนักลงทุนที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้น
โครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2022 เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพสตาร์ทอัพไทยปีที่ 3 แล้ว สำหรับกลุ่ม Startup ที่โครงการให้ความสนใจคือด้าน FinTech, HealthTech, GreenTech, EdTech และ Travel Tech เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 31 กรกฎาคม 2565 ชิงรางวัลสูงสุดมูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท พร้อมของรางวัลทั้งจากธนาคารกสิกรไทย, Microsoft Thailand, True Digital Park และ FlowAccount
KATALYST กับการเปลี่ยนฉากทัศน์ธุรกิจและแนวโน้มสตาร์ทอัพไทยในอนาคต
สตาร์ทอัพและแวดวงธุรกิจไทยจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเพราะโครงการ KATALYST เข้ามาช่วยสร้าง Ecosystem และส่งเสริมให้สตาร์ทอัพแข็งแรง โครงการนี้จะสะท้อนให้เห็นว่าในระดับต่างประเทศมีการสอนเข้มข้นและมีการมอบหมายงานค่อนข้างหนักจะเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้น คนที่จะเข้ามาร่วมเรียนกับโครงการจะต้องเป็นคนสู้งาน มีแรงปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น
สำหรับทิศทางสตาร์ทอัพของไทยในอนาคต ถามว่าจะอยู่รอดได้หรือไม่ในช่วงที่ไม่ใช่ยุคทองเหมือนเดิม เรื่องนี้จำเป็นต้องดูที่ศักยภาพเป็นหลัก จากนี้ไปนักลงทุนจะดูละเอียดมากขึ้น ทางสตาร์ทอัพเองก็ต้องมีความมั่นคงในเรื่องการทำธุรกิจระดับหนึ่ง อนาคตสตาร์ทอัพจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเองอย่างน้อย 3 ปี ดังนั้นคนที่อยู่ได้ด้วยตัวเองต้องสร้างรายได้ด้วยตัวเองได้พอสมควร รากฐานต้องแข็งแกร่งไม่ใช่การใช้โปรโมชันตัดราคาอีกต่อไปแต่การให้บริการต้องดีจริงๆ
คุยกับสตาร์ทอัพที่เคยเรียนกับโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD
กษมา เจตน์จรุงวงศ์ Founder and CEO บริษัท The Omelet เล่าถึงประสบการ์ณการเรียนผ่านโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD ว่าก่อนจะเข้าเรียนในโครงการ ทางบริษัทก็ดำเนินธุรกิจอยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยทำบริการด้าน Social Commerce (การทำธุรกิจผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย) ให้กับองค์กรใหญ่ในไทย โดยมีลูกค้าอาทิเช่น Shell, Toyota, Amway และมาเข้าร่วมโครงการเพราะอยากทำผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
สิ่งที่ได้รับเมื่อเข้าร่วมโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD คือมีการเรียนการสอนที่เข้มข้นมาก และทุกทีมมีการบ้านกลับมาทำเยอะมาก อาทิเช่น ให้มีการทดสอบการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างน้อยสองรอบ ซึ่งเป็นการบังคับให้ทุกคนในทีมต้อง Make Time จากหน้างานปัจจุบันเพื่อมาสร้างผลิตภัณฑ์จริงๆ ไม่ใช่แค่คุยกันเฉยๆแบบที่ผ่านมา นอกจากนี้แล้ว ทางโครงการยังมีเมนทอร์ที่ดีมากมีทั้งจากยุโรป แคนาดา ลาตินอเมริกา ซึ่งทำให้ทุกคนในทีมได้เรียนรู้แบบ Global Experience ที่หาที่อื่นได้ยาก
ความเปลี่ยนแปลงหลังเข้าร่วมโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD คือทำให้ขยับเข้าสู่เวทีระดับโลกได้ง่ายขึ้น อาทิเช่นได้เข้าร่วมโครงการ Microsoft’s Highway to 100 Unicorn ระดับเอเชียแปซิฟิก และ Alibaba Cloud x KrASIA Global Startup Accelerator (Thai-Singapore) นอกจากนี้แล้วตัวผลิตภัณฑ์ด้าน Social Commerce ที่ได้ปลุกปั้นกันตั้งแต่ในโครงการมีการเติบโตด้านการใช้งานที่ 140% ต่ออาทิตย์หลังจากเปิดมาได้ 8 อาทิตย์ (2 เดือน) ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ทีมงานภูมิใจ
สำหรับคนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD นั้นไม่ว่าจะมีธุรกิจอยู่แล้วหรือมีเพียงไอเดีย โครงการนี้ช่วยปูพื้นฐานได้ดีเพราะฉะนั้นถือเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน
กฤษฎา อึ้งมณีประเสริฐ Co-founder บริษัท SafeTrip ทำระบบนำทางที่แจ้งเตือนจุดเสี่ยงอุบัติเหตุล่วงหน้าให้นักท่องเที่ยวที่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์ภายในประเทศ ให้คำแนะนำความเร็วที่เหมาะสม ระยะที่ควรเบรกเพื่อให้มีการขับขี่ที่ปลอดภัยและสามารถวิเคราะห์จุดเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้
ก่อนเข้าโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD มีแค่ Passion อีกทั้งยังมองไม่ออกว่าการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจะทำธุรกิจได้อย่างไร มีเวิร์กชอปหนักเข้มข้นจนรู้สึกอยากหยุดกลางคันแต่ก็ผ่านมันมาได้และก็ได้เรียนรู้ว่าจะหาลูกค้าได้อย่างไร ส่วนโอกาสที่ได้รับหลังผ่านโครงการนี้คือการได้รับคัดเลือกทุกครั้ง ได้รับคัดเลือกรอบลึกไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นตราประทับจากโครงการ เมื่อคุยกับทาง VC ก็ได้รับความสนใจมากขึ้น ถ้ายังไม่ได้เข้าโครงการนี้ แนวคิดก็อาจจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างได้ สำหรับใครที่กำลังมองหาความรู้หรือโอกาสความรู้จากสตาร์ทอัพให้เติบโตอย่างรวดเร็วที่นี่ถือเป็นทางเลือกแรกที่พลาดไม่ได้
สรุป
สตาร์ทอัพที่สนใจเข้าเรียนในโครงการ KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2022 จะไม่ได้แค่เพียงความรู้ที่เข้มข้น แต่ยังสามารถนำมาปรับใช้ต่อยอดแนวคิดธุรกิจและพัฒนาให้เป็นจริงได้ สามารถขยายเครือข่ายจากโครงการดังกล่าวและยังได้ประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ๆ จากเหล่าเมนทอร์ทั้งในไทยและจากระดับโลกที่จะมาถ่ายทอดความรู้เพื่อสามารถสร้างธุรกิจได้จริงและอาจได้โอกาสที่ดีจากการร่วมงานกับกสิกรไทยด้วยหากมีบริการที่ตรงกับความต้องการ แค่เพียงมุ่งมั่นมีใจรักและมีความทุ่มเทที่จะเรียนรู้ก็จะสามารถประสบความสำเร็จจากโครงการได้
KATALYST STARTUP LAUNCHPAD 2022 เปิดให้สมัครแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2022 ประกาศทีมที่ได้รับคัดเลือกวันที่ 15 สิงหาคม 2022 มีระยะเวลาเรียนตั้งแต่ 23 สิงหาคม ถึง 24 ตุลาคม 2022 และหากเป็นทีมที่มีผลงานโดดเด่นจะสามารถมีสิทธิถูกคัดเลือกไปนำเสนอแผนธุรกิจกับทางกรรมการและนักลงทุนในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2022 ทางโครงการได้จัดเตรียมเงินรางวัลพร้อมของรางวัลจากกสิกรไทย, Microsoft Thailand, True Digital Park และ FlowAccount เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจจำนวน 3 รางวัล รวมทั้งสิ้นมูลค่ากว่า 800,000 บาท
สามารถดูรายละเอียดโครงการและสมัครได้ที่ https://katalyst.kasikornbank.com/th/Pages/startup_launchpad2022.html หรือติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการทางเฟซบุ๊กที่ https://www.facebook.com/KATALYSTbyKBank
#KATALYSTbyKBank
#เพื่อนสนิทของชาวสตาร์ทอัพ
#KATALYSTSTARTUPLAUNCHPAD2022
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา