ถือได้ว่า เป็นอีกหนึ่งโอกาสทางการลงทุนท่ามกลางความผันผวนที่นักลงทุนไทยไม่ควรพลาด โดย KAsset และ J.P. Morgan Asset Management 2 พันธมิตรด้านการลงทุนระดับโลกที่จับมือกันสร้างผลิตภัณฑ์ บริการและนวัตกรรมด้านการลงทุนได้อย่างน่าสนใจ รวมถึงยังเสริมความรู้ความเข้าใจเชิงลึกผ่านงานวิจัย ที่จะเป็นการปิดช่องโหว่ และกระจายความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
มาดูกันว่าความร่วมมือครั้งนี้ จะเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้นบ้าง
ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของ KAsset และ J.P. Morgan Asset Management
อดิศร เสริมชัยวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด หรือ KAsset ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง KAsset และ J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) พร้อมเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปของความร่วมมือครั้งนี้ว่า เกิดจากที่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตลาดการเงินและการลงทุนมีความผันผวนจากสภาพเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ช่วงโควิด-19 มาจนถึงสงครามทั้งด้านอาวุธและการค้า
ความผันผวนทางเศรษฐกิจส่งผลต่อนักลงทุนในประเทศไทยอย่างมาก โดยนักลงทุนราว 60% ที่ลงทุนทั้งหุ้นไทยและต่างประเทศประสบปัญหาทำให้ผลตอบแทนไม่เป็นไปตามความคาดหวัง การคาดการณ์และการให้คำแนะนำในการลงทุนมีความท้าทายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวน KAsset ยังคงมองเห็นโอกาสด้านการลงทุนในตลาดทั่วโลกที่ให้ผลตอบแทนเชิงบวกและยั่งยืนในระยะยาว แต่การลงทุนในปัจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้นจึงมองหาความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อพัฒนากลยุทธ์ในการจัดสรรสินทรัพย์ให้กับลูกค้าให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายโดยเน้นการพัฒนาโซลูชั่นการลงทุนแบบ Multi-Asset Funds ที่เป็นการลงทุนในหลายทางเพื่อกระจายความเสี่ยง
จากความร่วมมือครั้งนี้ KAsset ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำให้เกิดการลงทุน Multi-Asset Funds มูลค่า 100,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี
ทำไมต้องเป็น JPMAM?
สาเหตุที่เลือกจับมือกับ JPMAM สุรเดช เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ KAsset อธิบายว่า มีเหตุผลหลักอยู่ 3 อย่าง อย่างแรกเป็นเรื่องของความชำนาญที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกอยู่แล้วเรื่องการลงทุนและการบริหารทรัพย์สิน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 2.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีความคุ้นเคยจากการเป็นพาร์ทเนอร์กับองค์กรในเอเชียทั้งในประเทศสิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน เซี่ยงไฮ้ และอินเดีย รวมถึงออสเตรเลียด้วย
ต่อมาเป็นเรื่องประสบการณ์ KAsset และ JPMAM ได้ร่วมมือกันเรื่องการลงทุนมาเป็น 10 ปีแล้ว เป็นข้อพิสูจน์ว่าทั้ง 2 องค์กรยืดถือคุณค่าและมีวัฒนธรรมในการทำงานแบบเดียวกัน
ประการสุดท้าย คือการเสริมความแข็งแกร่งให้กันและกัน KAsset เป็นผู้นำตลาดกองทุนรวมของไทยอยู่แล้ว มีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการกว่า 1.49 ล้านล้านบาท ทำให้มีข้อมูลเชิงลึกเรื่องการลงทุนของนักลงทุนไทย ประกอบกับความเชี่ยวชาญระดับโลกจาก JPMAM จะเป็นการส่งเสริมกลยุทธ์ซึ่งกันและกัน
ด้าน JPMAM มองเห็นศักยภาพในการลงทุนของนักลงทุนไทยที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนผู้ลงทุนและเม็ดเงินที่นำมาลงทุน อุตสาหกรรมการลงทุนมีการเติบโตสูง รวมทั้งนักลงทุนไทยมีการเปิดรับการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนจะได้อะไรจากความร่วมมือนี้?
การร่วมมือกันครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างโซลูชั่นให้นักลงทุนในสถานการณ์ที่มีความผันผวนมาก เครื่องมือการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงหรือ Multi-Asset Funds จากเดิมที่การลงทุนของนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นการลงทุนทางเดียว โดยจะช่วยจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
Multi-Asset Funds เป็นการจัดพอร์ตที่เหมาะสมกับนักลงทุนในประเทศไทยที่ลงทุนกับหุ้นไทยและต่างประเทศที่ไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มาก การจัดพอร์ตแบบนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยง ขณะที่ยังได้ผลตอบแทนในระดับที่น่าพอใจ
เปิดมุมมองการลงทุนทั่วโลกผ่าน JPMAM
จากความร่วมมือครั้งนี้ มีการเปิดมุมมองการลงทุนในต่างประเทศที่น่าสนใจ โดยสรุป JPMAM มองว่า ตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2024 คือ ความไม่แน่นอนจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ การดำเนินนโยบายที่อาจผิดพลาด และความผันผวนของสภาพอากาศ การจัดสรรสินทรัพย์และการกระจายความเสี่ยงจึงมีความสำคัญมากขึ้น
เมื่อ FED หยุดขึ้นดอกเบี้ย สินทรัพย์ประเภท Long-Duration เช่น พันธบัตร/หุ้นกู้ที่มีอายุเฉลี่ยระยะยาว หุ้นปันผลสูง และทองคำ จะได้รับความสนใจมากขึ้น โดยหากพิจารณารายประเทศจะพบว่า
- สหรัฐอเมริกา เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราชะลอตัว หวังว่า FED จะลดดอกเบี้ยลงหลังภาวะเงินเฟ้อทยอยปรับลดลง
- ยุโรป มีสัญญาณที่บ่งบอกถึงเศรษฐกิจถดถอย การเติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เมื่อเงินเฟ้อกลับสู่ระดับปกติ มีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยลงช่วงกลางปี
- จีน ปีที่ผ่านมาเจอปัญหาอสังหาริมทรัพย์ ส่วนปี 2024 ขึ้นกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เชื่อว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ การลงทุนยังน่าสนใจ การคัดเลือกหุ้นมีส่วนสำคัญ ภาคบริการกำลังมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
- ญี่ปุ่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจมากขึ้น จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่กลับมาเป็นบวก เม็ดเงินที่ไหลออกจากตลาดหุ้นจีน ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจมากขึ้น
- อินเดีย เศรษฐกิจมีการเติบโตดีเกินคาด การนำเทคโนโลยีมาใช้ การพัฒนาตลาดการเงินในประเทศ ผลักดันให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และจีน แต่ยังมีความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง
JPMAM ยังจะช่วยจัดหาและจัดการเครื่องมือการลงทุน ทำการวิจัยด้านข้อมูลเพื่อส่งเสริมการลงทุนแบบยั่งยืน และส่งต่อผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่มีประสิทธิภาพให้กับลูกค้าของ KAsset ให้เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม ในปัจจุบันทั้ง JPMAM และ KAsset ได้มีการนำ AI และ Machine Learning มาใช้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลประกอบแนวทางในการตัดสินใจ
นอกจากนี้ จะร่วมมือกันสร้าง Training Program ที่ครอบคลุมความรู้ระดับโลกเพื่อให้ความรู้เรื่องการลงทุนที่ครอบคลุมถึงเทคโนโลยีด้านการลงทุนด้วย กล่าวได้ว่า ความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั่วโลกของ JPMAM พร้อมกับโซลูชั่นการลงทุนที่ได้มาตรฐานระดับโลก จะพร้อมให้บริการกับนักลงทุนไทย
สรุป โอกาสสร้างความมั่งคั่ง ท่ามกลางความผันผวน
นักลงทุนต่างมองหาโอกาสในการสร้างความมั่งคั่งผ่านผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งในไทยและทั่วโลก ปัจจัยสำคัญคือต้องมีความรู้ความเข้าใจเชิงลึกต่อสถานการณ์ต่างๆ เพื่อลดความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นของพอร์ตการลงทุน ซึ่งความร่วมมือของ KAsset และ JPMAM ครั้งนี้จะเข้ามาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนที่ได้มาตรฐานระดับโลก ความเชี่ยวชาญจาก KAsset ที่เข้าใจนักลงทุนไทย ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนทั่วโลกของ JPMAM จะช่วยเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงความมั่งคั่ง แม้ตลาดจะมีความผันผวนจากหลายปัจจัยก็ตาม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา