โรงพยาบาลศัลยกรรมกมลนำร่องเปิด K Wellness Center ศูนย์สุขภาพสำหรับคนข้ามเพศแบบครบวงจร รองรับการผ่าตัดแปลงเพศตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษา ยันการศัลยกรรม และดูแลสุขภาพหลังผ่าตัด รองรับกลุ่ม LGBT ที่มีบทบาทมากขึ้นในสังคม
เปิดศูนย์สุขภาพของคนข้ามเพศแบบครบวงจร
เทรนด์เรื่องการศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องที่น่าอายอีกต่อไปแล้วในเมืองไทย ได้รับการเปิดกว้างมากขึ้น หลายคนลงทุนบินไปประเทศเกาหลีดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องศัลยกรรมแห่งหนึ่งของโลกเพื่อให้มีรูปร่างหน้าตาที่ต้องการ
จริงๆ แล้วในประเทศไทยมีโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมไม่น้อยเลยทีเดียว ที่โด่งดังที่สุดก็เห็นจะเป็น “โรงพยาบาลยันฮี” ที่ขึ้นชื่อเรื่องศัลยกรรมแต่ก็ยังไม่ได้เฉพาะทางโดยตรง และยังมี “โรงพยาบาลกมล ศัลยกรรมตกแต่ง และแปลงเพศ” ที่เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางสำหรับศัลยกรรม และรองรับการแปลงเพศสำหรับกลุ่มคนข้ามเพศด้วย
โรงพยาบาลกมลได้เปิดบริการมา 20 ปีแล้วตั้งอยู่ย่านทาวน์อินทาวน์ เริ่มต้นจากการเป็นคลินิกศัลยกรรมความงาม แต่มีชื่อเสียงด้านการผ่าตัดแปลงเพศจนเกิดการบอกต่อกันปากต่อปาก และได้เปิดเป็นโรงพยาบาลเต็มตัว พัฒนาเทคนิคการผ่าตัดเรื่อยๆ จากชายเป็นหญิง ผ่าตัดให้ธรรมชาติมากที่สุด และพัฒนาการผ่าตัดเปลี่ยนจากหญิงเป็นชายได้
แต่ Pain Point ของการผ่าตัดแปลงเพศมีหลายอย่างมาก ไม่ใช่แค่แปลงเพศแล้วจบ ยังต้องมีเรื่องการใช้ชีวิตข้างนอกอีก ต้องมีการตรวจสุขภาพเรื่องทางเดินปัสสาวะ หรือต่อมลูกหมากที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศ แต่เมื่อมีเพศสภาพที่เปลี่ยนไปอาจจะทำให้ลำบากใจในการไปพบแพทย์ทั่วไป
โรงพยาบาลกมลจึงทำการเปิด K wellness Center เป็นศูนย์สุขภาพเพื่อการข้ามเพศเป็นแห่งแรก นั่นคือดูแลลูกค้าที่ต้องการแปลงเพศตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ ไปจนถึงหลังผ่าตัดแล้วด้วย เป็นการดูแลทั้งชีวิต
ศิริเพ็ญ พันธ์ศรีทุม กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลกมล ศัลยกรรมตกแต่ง และแปลงเพศ เล่าว่า
“ไม่ใช่แค่แปลงเพศแล้วจบ แต่ต้องดูแลทั้งชีวิต สิ่งที่เจอมากที่สุดคือไม่มีคนดูแลหลังจากที่แปลงเพศแล้ว เช่น ชายที่เปลี่ยนเป็นหญิงจะไปหาหมอในโรงพยาบาลทั่วไปยังไง เพราะยังมีต่อมลูกหมากอยู่ หรือหญิงที่เปลี่ยนเป็นชายจะไปหาหมอทางเดินปัสสาวะยังไง ตรวจภายในยังไง เพราะบุคลิกข้างนอกเป็นผู้ชาย เลยตัดสินใจทำศูนย์นี้ดูแลผู้ข้ามเพศโดยเฉพาะ หลังแปลงเพศไม่ใช่แค่สวย หล่อ แต่ต้องให้มีสุขภาพแข็งแรงด้วย”
ดูแลตั้งแต่จิตใจ ไปจนถึงเปลี่ยนเพศ
กระบวนการของ K wellness Center ก็คือดูแลทั้งสุขภาพกาย และใจของกลุ่มข้ามเพศทั้งหมด มีแพทย์ทุกศาสตร์ทั้งจิตแพทย์ สูตินารีแพทย์ ศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ ศัลยแพทย์ตกแต่ง
เริ่มต้นจากจิตแพทย์ให้คำปรึกษาว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ ต้องการแปลงเพศจริงมั้ย เตรียมความพร้อมด้านจิตใจของตัวเอง และครอบครัว จากนั้นก็เป็นส่วนของการปรับฮอร์โมน ตรวจเลือด ตรวจสุขภาพโดยสูตินารีแพทย์ และมีบริการศัลยกรรมความงามปรับรูปหน้า หน้าตาให้เข้ากับเพศได้หมด
“เรามีการดูแลตั้งแต่น้องๆ ระดับประถม มัธยม หรือคนที่สงสัยว่าตัวเองข้ามเพศมั้ย บางคนอยากเล่นกับผู้หญิง อยากใส่กระโปรงตั้งแต่เด็กๆ เพื่อให้เตรียมตัวการข้ามเพศอย่างถูกต้องจะได้ไม่วิตกกังวล ให้คำแนะนำผู้ปกครองด้วย มีการให้ฮอร์โมนโดยสูตินารีแพทย์ บางคนไปซื้อฮอร์โมนกินเองก็ไม่ถูกต้อง กินมากไปก็เสี่ยงต่อตับ หรือคนที่เปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย หน้ามันขึ้น สิวขึ้น พอไปหาหมอข้างนอกก็จะให้ยาคุมมากินอีก ซึ่งเราก็ดูแลผิวพรรณไปด้วย”
กลุ่ม LGBT ได้รับการยอมรับมากขึ้นในสังคม
ตอนนี้ยังมีมีตัวเลขมูลค่าตลาดของธุรกิจศัลยกรรมที่ชัดเจน แต่ปัจจัยที่ทำให้โรงพยาบาลศัลยกรรมที่การเติบโตมากขึ้นคงจะหนีไม่พ้นบทบาทของกลุ่ม LGBT ที่ได้รับการยอมรับในสังคมและทั่วโลกมากขึ้นมีการแสดงออกมากขึ้นส่งผลให้แนวโน้มการศัลยกรรมได้รับการยอมรับมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับในประเทศไทยเตรียมที่จะออกกฎหมายที่ให้เพศเดียวกันสมรสกันได้ ศิริเพ็ญก็ได้มองว่าจะส่งผลดีตามมาอีกมาก ทั้งเรื่องสังคม เศรษฐกิจ และการยอมรับจากต่างประเทศ
“ประเทศไทยกำลังจะมีกฏหมายเพศเดียวกันสมรสได้ เชื่อว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย สังคมเปลี่ยนจะถือว่าการศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติ ที่สำคัญคือทำให้ไทยได้รับการยอมรับในสิทธิมนุษยชน เพราะที่ผ่านมาไทยถูกแบล็กลิสต์เรื่องสิทธิมนุษยชน เช่น เรื่องโรฮิงญา ประเด็นนี้จะทำให้เปิดรับไทยมากขึ้น”
ปัจจุบันโรงพยาบาลกมลมีคนไข้ทำการศัลยกรรมแบ่งเป็นลูกค้าปกติ 40% และคนข้ามเพศ 60% และมีการผ่าตัดแปลงเพศเฉลี่ยวันละ 3 เคส แต่รวมๆ แล้วได้ผ่าตัดแปลงเพศไปแล้วรวม 40,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ 70% กลุ่มใหญ่คือชาวญี่ปุ่นคิดเป็น 40% รองลงมาเป็นสหรัฐอเมริกา และยุโรป
คนดังข้ามเพศที่เคยมาใช้บริการแปลงเพศนี้ได้แก่ ปอย ตรีชฎา และโยชิ รินรดา จากเวทีมิสทิฟฟานี รวมถึงนางงามจากเวทีมิสแกรนด์ก็เป็นลูกค้าในการปรับโครงหน้าด้วย
สำหรับ K wellness Center ได้เปิดให้บริการได้ 1-2 เดือนแล้ว มีค่าใช้จ่ายในการแปลงเพศเริ่มต้นที่ 3แสนบาท ไปจนถึงหลักล้าน
สรุป
เรื่องสุขภาพและความงามเป็นเทรนด์ที่ยังมาแรงต่อเนื่องในไทยจะมีศูนย์สุขภาพสำหรับผู้สูงอายุแล้วยังมีสำหรับคนข้ามเพศด้วยถือว่าเป็นหนึ่งในเดสติเนชั่นดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาในไทยได้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา