ทุกวันนี้ทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืน หรือ Sustainability มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะเห็นแล้วว่า การใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิต มีผลต่อการทำธุรกิจ จะเน้นแค่เรื่องเศรษฐกิจ ผลประกอบการ เพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีตไม่ได้แล้ว
ศิริพร สุวรรณการ Managing Director – Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย บอกว่า KBank Private Banking ใช้แนวโน้มดังกล่าว พัฒนาเป็นกองทุน K-SUSTAIN-UI โดยเชื่อว่าในระยะเวลาปีนี้ถึงปีหน้า นักลงทุนจะมองเห็นโอกาสและต้องการลงทุนกับธุรกิจที่ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งจะตอบโจทย์ในระยะยาวได้ดีกว่าธุรกิจที่ไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องความยั่งยืน
เปิด 5 กลุ่มธุรกิจ Sustainability Megatrend ที่ K-SUSTAIN-UI มุ่งเน้นลงทุน
- Energy Transition ช่วงนี้การปรับเปลี่ยนไปสู่พลังงานสะอาดเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม นี่คือธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว ส่วนธุรกิจขาลง เช่น พลังงานถ่านหิน
- Resource Efficiency คือธุรกิจที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า รักษาสิ่งแวดล้อม และทดแทนทรัพยากรเดิมที่ใช้ไป
- Empowerment เน้นธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับคน ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมและเศรษฐกิจ ลงทุนในองค์กรที่ส่งเสริมยกระดับคุณภาพชีวิต ความเท่าเทียมกัน
- Health & Wellness คนใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ธุรกิจด้านสุขภาพ นวัตกรรมการแพทย์ มีแนวโน้มที่ดี
- Tech for Sustainability คือแกนหลักของทุกการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืน ทำให้ต้นทุนต่ำลง ประสิทธิภาพสูง ลดความสิ้นเปลือง
กลยุทธ์ Long/Short ลงทุนทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ ลดความผันผวน พร้อมสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกในทุกวัฏจักร
กองทุน K–SUSTAIN–UI เน้นลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจ Sustainability Megatrend จะใช้กลยุทธ์ทั้ง Long & Short เพื่อสร้างผลตอบแทนทั้งขาขึ้นและขาลง ทั้งจากหุ้นที่ได้รับประโยชน์และเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินธุรกิจที่มุ้งเน้นไปสู่ความยั่งยืน ถือเป็นจุดเด่นที่สอง
สำหรับกลยุทธ์ Long เป็นการลงทุน การเข้าซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มดี ราคาต่ำ มีความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นการลงทุนในกลุ่มธุรกิจผู้ชนะที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น กลุ่มพลังงานสะอาด, ธุรกิจที่มีการรีไซเคิล, ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานในการจัดการน้ำ บำบัดน้ำ, ผู้พัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์และการรักษาทางไกล การลดการเจ็บป่วย, ธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ เป็นต้น
ส่วนกลยุทธ์ Short คือ การขายหุ้นที่มีแนวโน้มเป็นขาลง ไม่มีความยั่งยืนในอนาคต และราคาในตลาดสูงเกินจริง เช่น ธุรกิจพลังงานถ่านหิน, โรงงานอุตสาหกรรมที่ก่อมลพิษ, บริษัทยาพื้นฐานที่ขาดนวัตกรรม, ค้าปลีกที่พึ่งพาหน้าร้าน ทางกองทุน K–SUSTAIN–UI จะขายเพื่อลดความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง
ดังนั้น K–SUSTAIN–UI จะสร้างผลประโยชน์ได้ทั้งจาก Winner และ Loser ไปพร้อมๆ กัน แม้ในช่วงเวลาที่ราคาตกลง เช่น ปี 2020 ที่ผ่านมาแต่ ด้วยกลยุทธ์ Long & Short ก็ยังทำกำไรได้อยู่
จับมือ JPM ผสานผู้จัดการกองทุนทั่วโลก
ตามปกติกองทุนต่างๆ จะมีผู้จัดการกองทุน 1 คนรับผิดชอบดูแลการลงทุน แต่สำหรับ K–SUSTAIN–UI มีผู้จัดการกองทุนหลักคือ JPMorgan ซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 25 ปี และมีเครือข่ายทั่วโลก ทำให้รู้และเข้าใจเรื่องการลงทุนในธุรกิจ Sustainability เป็นอย่างดี
ยิ่งกว่านั้น JPMorgan ยังมีเครือข่ายผู้จัดการกองทุนย่อย หรือ Sub Advisor ที่มีความเขี่ยวชาญเฉพาะด้านอีก 7–10 คนจะมาช่วยดูแลการลงทุนให้กับ K–SUSTAIN–UI ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สาม โดยมี Sub Advisor อาทิ
- Arisaig Capital: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เน้นการลงทุนในหุ้นเติบโตและเป็นผู้นำในประเทศเกิดใหม่
- LyGH Capital: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในประเทศจีน มีความสามารถในการลงทุนหุ้นจีนทั้ง A,H และ ADRs กองทุนที่บริหารมีผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี MSCI China 7% p.a. โดยมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ
- Portland Hill Captial: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรป และมีประสบการณ์ลงทุนมากกว่า 20ปี เน้นการลงทุนในหุ้นยุโรปด้วยกลยุทธ์ L/S และ Event –driven
- Asymmetry Global Healthcare: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในกลุ่มสุขภาพ ผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์ทำงานที่ Pfizer
- Electron Capital Partners: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในกลุ่มสาธารณูปโภค เน้นลงทุนในกลุ่ม Infra และUtility กองทุนที่บริหารมีผลตอบแทนเหนือกว่าดัชนี MSCI Global Utilities 7% p.a. โดยมีความผันผวนค่อนข้างต่ำ
- Tremblant Capital: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในกลุ่มผู้บริโภค เทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม ผู้จัดการกองทุนมีประสบการณ์ทำงานที่ P&G
- Ancora Advisors: ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนที่เน้นการมีส่วนร่วมการเปลี่ยนแปลงบริษัทผ่านการถือหุ้น
ส่วนนี้มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ลงทุนแบบ Long & Short เพราะการจะค้นหาธุรกิจ Winner และ Loser ในแต่ละอุตสาหกรรม ต้องการผู้เชี่ยวชาญ และต้องมองหาจากทั้งโลก หลากหลายประเทศ หลากหลายภูมิภาค และหลากหลายอุตสาหกรรม นี่จึงเป็นความแตกต่างของ K–SUSTAIN–UI
สรุป
KBank Private Banking มองเห็นว่า สิ่งที่สำคัญของการลงทุนคือ ต้องศึกษาให้เข้าใจและไม่ประมาท หลายปีที่ผ่านมาหุ้นเป็นขาขึ้นมาตลอด การใช้กลยุทธ์ Long ทำให้ได้ประโยชน์ในระยะยาว สร้างการเติบโตในอนาคต แต่ต้องไม่ลืมว่า มีหุ้นก็มีโอกาสพักตัวหรือเป็นขาลงได้เช่นกัน ดังนั้น กลยุทธ์ Short จะมาตอบโจทย์ในจุดนี้ และต้องการสร้างผลกำไรให้ได้ทั้งสองทาง และสำหรับกองทุน K–SUSTAIN–UI ยังมุ่งเน้นประโยชน์จากธุรกิจที่มีความยั่งยืนในระดับโลก โดยเน้น
- มุ่งเน้นลงทุนลงทุนใน 5 กลุ่มธุรกิจ Sustainability Megatrend ซึ่งเป็นธุรกิจแห่งอนาคต
- กลยุทธ์ Long/Short สร้างโอกาสและผลตอบแทนจากทั้งหุ้นที่จะเป็นผู้ชนะและผู้แพ้ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน
- ประสบการณ์ของ JPMorgan และผู้จัดการกองทุนย่อย 7–10 ราย ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
เพราะเชื่อว่าการสร้างสรรค์เศรษฐกิจไปพร้อมกับการดูแลคุณภาพชีวิตคนและสิ่งแวดล้อม จะอยู่รอดยั่งยืน ได้รับการสนับสนุนจากผู้บริโภค มีโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน มากกว่าธุรกิจที่มองเรื่องเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว
Disclaimer: นี่ไม่ใช่บทความชี้ชวนการลงทุน เป็นการนำเสนอข่าวสาร ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา