ญี่ปุ่นเตรียมตั้งกองทุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐ มูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ

การที่ประเทศญี่ปุ่นจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งที่เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐอเมริกาครั้งนี้อาจช่วยประเทศญี่ปุ่นได้ในหลายแง่มุมไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนที่ดีขึ้นเนื่องจากสังคมผู้สูงอายุ และนอกจากนั้นยังเป็นเครื่องมือไว้ต่อรองกับสหรัฐได้ด้วย

ภาพจาก Shutterstock

แหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมที่จะจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งที่เน้นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะมีขนาดเม็ดเงินเริ่มต้นที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐในเรื่องนี้ด้วย

สำหรับผู้ที่คิดค้นการตั้งกองทุนความมั่งคั่งคือ Koichi Hamada โดยเขาเองเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ Shinzo Abe และตัวเขาเองยังเป็นหนึ่งในผู้ที่เสนอไอเดียอย่าง Abenomics อีกด้วย ซึ่งนโยบายดังกล่าวช่วยไม่ให้ประเทศญี่ปุ่นเกิดปัญหาเงินฝืดไปมากกว่านี้

ไอเดียของกองทุนที่ว่านี้คือรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหาใหญ่คือเรื่องสังคมผู้สูงอายุ ทำให้เงินบำนาญหรือแม้แต่เงินประกันสังคมของประเทศญี่ปุ่นในอนาคตลดลงถ้าหากว่าผลตอบแทนยังเท่าเดิม เพราะว่าเงินถูกถอนมามากกว่าผลตอบแทนที่ได้ ฉะนั้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจะทำให้ผลตอบแทนดีขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังอาจทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงด้วย เนื่องจากเม็ดเงินได้ไหลออกไปต่างประเทศ

เอาไว้ต่อรองทรัมป์ได้ด้วย

นอกจากนั้นกองทุนนี้ยังทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นสามารถต่อรองกับสหรัฐอเมริกาในกรณีเรื่องของสงครามการค้า ซึ่งมีวี่แววว่าญี่ปุ่นอาจไม่รอดพ้นจากเรื่องนี้ด้วย ตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นแต่ไม่เปิดเผยตัวได้กล่าวว่า กองทุนความมั่งคั่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่น และคาดว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีจากสหรัฐ เนื่องจากนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์คือเน้นในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

สำหรับสหรัฐอเมริกานั้นประธานาธิบดีทรัมป์ได้เคยประกาศแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงซ่อมแซม รวมไปถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ ด้วย

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่น Taro Aso ได้ยืนยันว่ามีการหารือในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานกับสหรัฐอเมริกาจริง แต่ปฏิเสธในเรื่องของกองทุนความมั่งคั่งว่ารัฐบาลยังไม่มีแผนในเรื่องนี้

ที่มาFinancial Times, Japan Times

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา