นับตั้งแต่วันแรกที่ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี Joe Biden ก็พลิกนโยบายที่ทรัมป์เคยทำไว้ทั้งหมดและกลับมาร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศและประเทศพันธมิตรเพิ่มขึ้น สิ่งที่ Biden ตั้งใจสะสางมี 7 เรื่องสำคัญ เรื่องแรกคือจัดการกับปัญหา COVID-19
- แผนการทำงาน โจ ไบเดน 10 วันแรก เซ็นยกเลิกคำสั่งโดนัลด์ ทรัมป์
- อเมริกากลับมาแล้ว! Biden กลับเข้าสู่ความร่วมมือ WHO ตั้งแต่วันแรกที่เป็นประธานาธิบดี
- ภารกิจ 100 วันแรกของ Joe Biden กับ 7 เรื่องใหญ่ที่ผู้นำโลกให้ความสำคัญ
ปัจจุบัน ข้อมูลจาก JHU ระบุว่า ทั่วโลกมีคนติดเชื้อ COVID-19 รวม 145.6 ล้านคน เสียชีวิต 3.08 ล้านคน รักษาหาย 83.8 ล้านคน ส่วนในสหรัฐอเมริกามีคนติดเชื้ออันดับ 1 ของโลก ตามด้วยอินเดียและบราซิล
ข้อมูลจาก CDC ระบุว่า อเมริกาติดเชื้อรวม 31.7 ล้านคน เสียชีวิต 5.67 แสนคน ประชากรที่ฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 ในปริมาณ 1 โดสมีราว 137.2 ล้านคนหรือประมาณ 41.3% ของจำนวนประชากร ขณะที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสราว 91.1 ล้านคน ราว 27.5% ของจำนวนประชากร
- ประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสราว 135.6 ล้านคนหรือประมาณ 52.6% ขณะที่การฉีดวัคซีนปริมาณ 2 โดส อยู่ที่ 90.7 ล้านคน หรือ 35.2%
- ส่วนประชากรที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ได้รับการฉีดวัคซีนปริมาณ 1 โดสอยู่ที่ 44.3 ล้านคน หรือประมาณ 81% ส่วนคนที่ได้รับวัคซีน 2 โดสอยู่ที่ 36.4 ล้านคน หรือประมาณ 66.6% ของจำนวนประชากร
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา Joe Biden ฉลองความสำเร็จจากการฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 ครบ 215 ล้านโดสภายใน 100 วันนับจากวันที่เริ่มขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาวันแรก ถือว่าเกินเป้าหมายไปไกลเป็นเท่าตัวจากที่ตั้งเป้าหมายเดิมคือจะฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 ให้ประชาชน 100 ล้านโดสภายใน 100 วัน ขณะที่ทั่วโลกหลายประเทศกำลังประสบปัญหาจัดหาวัคซีนให้ประชาชนไม่ได้ แต่อเมริกาทำได้เกินเป้าภายใต้ผู้นำคนใหม่ที่เข้ามาทำงานได้เพียง 100 วัน
เมื่อสำรวจดูเป้าหมายเดิมที่ Joe Biden ตั้งไว้สำหรับสิ่งที่ประเทศให้ความสำคัญเป็นเป้าหมายแรก ก็คือการจัดการ COVID-19 สิ่งที่ Biden เลือกทำ คือการเข้าให้ความช่วยเหลือเพื่อปกป้องและสนับสนุนให้ประชาชนได้รับวัคซีนต้าน COVID-19 สิ่งแรกคืออำนวยความสะดวกให้ด่านหน้าในการรับมือกับ COVID-19 ก่อน จากนั้นจึงให้ความสำคัญกับผลกระทบที่ตามมาหลัง COVID-19 ระบาดทั้งด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ
Biden ให้ความสำคัญกับการแพทย์ ความคิดเห็นและความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ค่อนข้างมาก หมายความว่า จะจัดการ COVID-19 ได้ ให้เชื่อข้อมูลทางการแพทย์ก่อน ฟังความเห็นทางวิทยาศาสตร์ก่อน เพื่อให้รู้ว่าควรจัดการรับมือกับโควิดอย่างไร
สิ่งที่ประธานาธิบดี Biden และรองประธานาธิบดี Harris เลือกทำหลังจากรับฟังข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ให้มากเพื่อใช้ตัดสินใจในการดำเนินนโยบายเพื่อจัดการกับ COVID-19 แล้ว จากนั้นจึงเริ่มสร้างความมั่นใจให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจโรคที่น่าเชื่อถือได้ เข้าถึงการตรวจ COVID-19 ได้ฟรี
- ตามด้วยการเพิ่มพื้นที่สำหรับการเข้าตรวจ COVID-19 แบบ drive-through เป็นสองเท่า
- ลงทุนกับการตรวจโรค ไม่ว่าจะเป็นการตรวจโรคที่บ้าน การตรวจแบบเร่งด่วน สิ่งนี้ช่วยขยายศักยภาพในการตรวจ COVID-19 ได้ค่อนข้างมาก (ป่วยหรือไม่ป่วย ก็ได้รับชุดตรวจทุกคน ลอสแอนเจลิสแจกฟรีชุดตรวจโควิด-19 ให้ประชาชน)
- จัดตั้งคณะบริหารการตรวจโรคระบาด (Pandemic Testing Board) ขึ้นเหมือนกับช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประธานาธิบดี Franklin D. Roosevelt จัดตั้งคณะบริหารการสงครามขึ้น (War Production Board)
- จัดตั้งหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่สามารถระดมชาวอเมริกันได้อย่างน้อยราว 1 แสนคนทั่วประเทศโดยได้รับความสนับสนุนจากองค์กรท้องถิ่นในชุมชนที่เชื่อถือได้เพื่อติดตามและสืบสวนโรครวมทั้งป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน
นอกจากนี้ ในส่วนของปัญหา PPE หรืออุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลที่มีปัญหาขาดแคลน Biden ก็ใช้กฎหมายการผลิตเพื่อการป้องกัน (Defense Production Act) เพื่อเร่งขับเคลื่อนการผลิตไม่ว่าจะเป็นหน้ากาก, face shields, และ PPE เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ถูกโควิดระบาดอย่างหนักหน่วง
Biden เคยกล่าวถึงแผนรับมือโควิดระบาดไว้ตั้งแต่ 16 กันยายน 2020 ว่านี่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของการรักษาชีวิตประชาชน สหรัฐฯ ลงทุนราว 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 7.83 แสนล้านบาทสำหรับการผลิตวัคซีนและทำแผนแจกจ่ายวัคซีนเพื่อรับประกันว่าชาวอเมริกันทุกคนจะได้รับวัคซีนต้าน COVID-19 ฟรี
นอกจากการลงทุนเรื่องวัคซีนแล้ว สามสิ่งที่ Biden และ Harris ให้ความสำคัญและย้ำว่าโควิด-19 ไม่ใช่เรื่องการเมืองนั้น คือการยึดหลักวิทยาศาสตร์เป็นหลักในการตัดสินใจ เปิดเผยข้อมูลทางคลินิกเกี่ยวกับวัคซีนที่องค์การอาหารและยาอนุมัติ รวมถึงให้พนักงานเขียนรายงานและเปิดเผยให้สาธารณชนตรวจสอบได้ โดยปรากฏตัวต่อหน้าสภาคองเกรสและสาธารณชนโดยข้อมูลที่พูดนั้นจะไม่ถูกเซ็นเซอร์ก่อน เป็นต้น
Biden ไม่เพียงทำตามสัญญาที่ประกาศไว้ แต่ยังมีศักยภาพสูงเหนือคำสัญญาที่ประกาศว่าจะฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสให้ได้ภายใน 100 วันแรกที่เขาเริ่มเข้าสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี เขาสามารถบริหารจัดการให้ประชาชนชาวอเมริกันได้รับวัคซีนต้าน COVID-19 ครบ 100 ล้านโดสตั้งแต่ 58 วันแรกที่เขาทำงาน หลังจากบรรลุเป้าหมาย เขายังตั้งเป้าต่อไปว่า จะฉีดวัคซีนต้าน COVID-19 ให้ได้ 200 ล้านโดสภายใน 100 วันทำงานแรก เขาก็ยังประสบความสำเร็จอีกครั้งสามารถบรรลุเป้าหมาย ฉีดวัคซีน 200 ล้านโดสได้ภายใน 92 วันแรก
สิ่งที่ Biden มุ่งเป้าอันดับแรกคือผู้มีความเสี่ยงสูง ทั้งบุคลากรด่านหน้าทางการแพทย์และผู้สูงอายุล้วนมีความเสี่ยงสูงทั้งสิ้น ตอนนี้ทุกคนในอเมริกาที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปสามารถรับวัคซีนต้าน COVID-19 ได้ฟรี
- กว่า 50% ของคนอเมริกันวัยผู้ใหญ่ ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส
- ชาวอเมริกันที่อายุ 65 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่เสียชีวิตเพราะ COVID-19 ราว 80% เรื่องนี้ Biden ระบุว่า ในช่วงที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่ง มีผู้คนอายุ 65 ปีขึ้นไปเพียง 8% เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนโดสแรก แต่ปัจจุบันนี้ คนวัย 65 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนต้าน COVID-19 แล้ว 80% เป็นคนสูงวัยจากทุกสีผิว ทุกเชื้อชาติศาสนาและไม่ว่ามีมุมมองการเมืองเช่นใด ก็ได้รับวัคซีนต้าน COVID-19 แล้วอย่างน้อย 1 โดส จากนี้ก็จะได้รับโดสสองตามเวลาที่กำหนด ซึ่งก็พบว่า จำนวนคนสูงวัยเสียชีวิตจาก COVID-19 ลดลง
ไม่ใช่แค่การบริหารจัดการภายในประเทศที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังมีการคาดการณ์ที่แม่นยำ ตัดสินใจดีและยังมีศักยภาพสูงในการดีลกับผู้จัดหาวัคซีนด้วย อีกทั้งสหรัฐฯ ยังลงแรง ลงเงินเข้าไปร่วมวิจัยและพัฒนาวัคซีนกับบริษัทผลิตยาทำให้สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่พรีออเดอร์วัคซีนได้อันดับต้นๆ ของโลก แต่ยังได้โควตาวัคซีนเพิ่ม ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษที่ร่วมพัฒนาวัคซีนด้วย แค่นั้นยังไม่พอ สหรัฐฯ ยังร่วมอยู่ในโครงการเสาหลักแห่งวัคซีน COVAX เพื่อผลิตวัคซีนต้าน COVID-19 ให้กับประเทศรายได้น้อยและความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนน้อยด้วย อาจกล่าวได้ว่า การบริหารภายในประเทศก็จัดการได้ดี การทูตกับประเทศอื่นๆ ก็ไม่ได้เพิกเฉย
- Johnson & Johnson ทำความตกลงกับสหรัฐฯ ผลิตวัคซีนโควิด 100 ล้านโดส กว่า 3 หมื่นล้านบาท
- วัคซีนโควิด-19 ยังไม่ทันได้ผลิต ทั่วโลกพรีออเดอร์ไปแล้ว 5.7 พันล้านโดส
- สหรัฐคาดว่าประชากร 80% ได้รับวัคซีน COVID-19 ในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้า หลังเริ่มกระจายวัคซีนล็อตแรกแล้ววันนี้
หลายคนอาจติดภาพจำที่สหรัฐอเมริกาติด COVID-19 สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก แต่อย่าลืมว่า COVID-19 เริ่มระบาดปลายปี 2019 ตั้งแต่สมัยโดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้นำและยังเอาความเชื่อเป็นหลัก ไม่ยึดจัดการโรคตามวิทยาศาสตร์ ไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการไวรัสมากพอ ปล่อยให้คนไม่สวมใส่หน้ากาก กว่าทรัมป์จะใส่หน้ากากออกสื่อก็ใช้เวลานานมากจนกลายเป็นเรื่องอัศจรรย์ไปเสีย ทั้งที่เป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบและระดับผู้นำประเทศต้องทำให้เห็นตั้งแต่แรกแล้ว จึงไม่แปลกที่จะมีการติดเชื้อสะสมขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก และผู้นำปัจจุบันอย่าง Biden ก็พยายามเต็มที่จะลดจำนวนคนติดเชื้อ COVID-19 ลง
ที่มา – CDC, JHU, The White House (1), (2), Defense
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา