หลังทดลองให้บริการสมัครสมาชิกเช่ารถยนต์รายเดือนในสหราชอาณาจักรด้วยชื่อ Carpe เมื่อสองปีก่อน Jaguar Land Rover (JLR) ก็ปรับปรุงบริการนี้ ทั้งปรับข้อกำหนด, ราคาที่ต่ำลง และเปลี่ยนชื่อเป็น Pivotal
มีค่าแรกเข้า และกำหนดระยะทาง
ก่อนหน้านี้ Carpe ของ JLR ค่อนข้างจูงใจกับผู้บริโภครุ่นใหม่ เพราะไม่มีค่าแรกเข้า และสามารถขับขี่รถยนต์ได้โดยไม่มีระยะทางกำหนด แต่พอมาเจอราคาค่าเช่าที่เริ่มต้น 910 ปอนด์/เดือน ก็ทำให้หลายคนเลิกสนใจ เพราะค่อนข้างแพง แม้จะไม่ได้จ่ายค่าบำรุงรักษา, ภาษี และอื่นๆ เพียงแค่จ่ายค่าน้ำมัน กับค่าเช่าเท่านั้น
เหตุนี้เอง JLR จึงปรับปรุงบริการเช่ารถยนต์ใช้รายเดือนใหม่ทั้งหมด ไล่ตั้งแต่การเปลีย่นชื่อเป็น Pivotal พร้อมกับเพิ่มค่าแรกเข้า 550 ปอนด์ และกำหนดระยะทางในการขับขี่ที่ 2,400 กม. หากเกินกว่านั้นจะคิดค่าบริการเพิ่ม แต่ถ้าผู้เช่าขับไม่ถึงระยะทางที่กำหนด สามารถนำระยะทางที่เหลือไปทบกับเดือนถัดไปได้
ขณะเดียวกัน JLR ยังปรับโครงสร้างราคาเช่ารถยนต์ใหม่ แบ่งเป็น 4 ช่วงคือ Blue ราคา 750 ปอนด์/เดือน เช่า Compact SUV ได้ เช่น Jaguar F-Pace, Indigo ราคา 1,150 ปอนด์ เช่า Mid-Size SUV ได้ เช่น Land Rover Discovery, Violet ราคา 1,350 ปอนด์ เช่า Full-Size SUV ได้ เช่น Range Rover Sport
สุดท้ายที่ Ultraviolet ราคา 1,600 ปอนด์ เช่า Full-Size SUV รุ่นหรูที่สุดอย่าง Range Rover ได้ ซึ่งการปรับช่วงราคาใหม่นั้นค่อนข้างจูงใจกว่า เพราะก่อนปรับนั้น หากจ่ายค่าเช่าเกรดล่างสุดที่ 910 ปอนด์/เดือน จะได้ขับแค่ Subcompact SUV ของ Jaguar รุ่น E-Pace เท่านั้น
ทั้งนี้สัญญาของ Pivotal จะกำหนดที่ 12 เดือน โดยผู้เช่าสามารถเปลี่ยนรถยนต์ได้ทุก 6 เดือน หากเปลี่ยนก่อนหน้านั้นจะมีค่าบริการ 250 ปอนด์ หรือผู้เช่าจะใช้รถยนต์คันเดิมต่อไปก็ได้ โดย JLR จะคงสิทธิ์ในการเปลี่ยนรถยนต์ไว้เหมือนเดิม ที่สำคัญ Pivotal ยังให้บริการแค่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น
สรุป
การทำแบบนี้แสดงให้เห็นว่า Jaguar Land Rover พยายามบุกตลาดโดยจูงใจผู้บริโภครุ่นใหม่ เพราะการเช่าใช้รถยนต์ หรือเช่าใช้สินค้าอื่นๆ เริ่มเป็นกระแส ประกอบกับการจ่ายเพียง 750 ปอนด์/เดือน หรือราว 30,000 บาท ก็สามารถขับ Compact SUV อย่าง Range Rover Evoque ได้แล้ว ดังนั้นมันคงจูงใจคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อ
อ้างอิง // Autoblog
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา