Jaguar Land Rover หรือ JLR ประกาศลงทุนกว่า 65 ล้านปอนด์ หรือราว 2,800 ล้านบาท พัฒนาโรงพ่นสีในสหราชอาณาจักร และสโลวาเกีย ให้สามารถพ่นสี และปรับแต่งสีรถยนต์ให้ลูกค้ากลุ่มเศรษฐีที่ต้องการรถยนต์ที่มีสีเป็นเอกลักษณ์ หรือตรงกับเครื่องบินเจ็ต และเรือยอช์ตส่วนตัว อวดลูกค้ากลุ่มนี้จ่ายค่าสีเฉลี่ยเกือบ 3 ล้านบาท
JLR เร่งชิงลูกค้ากลุ่มเศรษฐี
JLR แจ้งอย่างเป็นทางการว่า การลงทุนโรงพ่นสีดังกล่าวจะประกอบด้วยการพัฒนาโรงงานที่ Castle Bromwich ใน West Midlands สหราชอาณาจักร และ Nitra ในสโลวาเกีย โดยแบ่งงบประมาณเป็น 41 ล้านปอนด์ที่ถูกใช้ในสหราชอาณาจักร และที่เหลือจะลงทุนในโรงงานที่สโลวาเกีย
ขณะเดียวกันการลงทุนครั้งนี้ยังมุ่งเน้นผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากการพ่นสีรถยนต์ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนที่ปล่อยมลพิษมากที่สุดในสายการผลิต หรือ 80% ของกระบวนการทั้งหมด โดยการลดมลพิษ JRL มีการตั้งแต่ห้องพ่นสีอัตโนมัติที่ลดการสูญเสียสีได้ 30% รวมถึงการใช้พลังงานสะอาดทั้งหมดในการเดินหน้าสายการผลิต
สำหรับที่มาของการลงทุนดังกล่าวเกิดจากความต้องการสีเฉพาะตัว หรือ Bespoke เพิ่มขึ้นเท่าตัวทุกปีตั้งแต่ปี 2022 รวมถึงความต้องการรุ่น Range Rover SV ที่เป็นรุ่นพิเศษที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบมีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ลูกค้าหรูยอมจ่ายหนักกว่าเดิม 3 ล้านบาท
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Range Rover SV ที่เป็นรุ่นพิเศษมีราคาเฉลี่ยในการขายอยู่ที่ 2.02 แสนปอนด์ หรือราว 8.43 ล้านบาท และกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงยังมีการสั่งสีพิเศษที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 ปอนด์ หรือราว 3 ล้านบาท/คัน อีกด้วย
“เรากำลังเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพที่สุด กระบวนการพ่นสีเป็นส่วนที่ใช้พลังงานมากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” Andrea Debbane ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน JLR กล่าว
Brand Inside พบว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ JLR เกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์หรูแบบสั่งผลิตพิเศษ โดยล่าสุด Rolls-Royce บริษัทในเครือ BMW ได้ประกาศลงทุน 300 ล้านปอนด์เพื่อขยายธุรกิจรถยนต์ที่มาพร้อมการปรับแต่ง เช่น การตกแต่งด้วยประติมากรรมทองคำหรือเปลือกมุก
ดังนั้นการลงทุนครั้งนี้ของเจแอลอาร์ไม่เพียงสะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่เติบโต แต่ยังเน้นถึงความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับหรู ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดลูกค้าระดับไฮเอนด์ในอนาคต
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา