เจาะลึก แบรนด์หนังไก่กรอบ SME ไทย ขายยังไงให้ได้ 1 แสนซองต่อเดือนในเซเว่น

จากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า ในปี 2566 ตลาดค้าปลีกกลุ่มสินค้าสแน็คของประเทศไทยมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 1 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

[จินเฮง พัฒนา “หนังไก่กรอบ” เตรียมส่งออกตปท.]

การมองหาช่องว่างทางการตลาด เพื่อนำสินค้าเข้าไปจำหน่าย เป็นช่องทางการแจ้งเกิดที่สำคัญให้กับ SME เหมือนดังเช่น แบรนด์ “จินเฮง” ที่บริหารงานโดยคนหนุ่มรุ่นใหม่วัย 35 ปี อย่าง ไมเคิล-วิทนันท์  จึงดำรงค์สมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท เครเดนเชียล กรุ๊ป จำกัด ที่มองเห็นโอกาสเติบโตของสินค้ากลุ่มสแน็คในตลาดฮาลาล ด้วยการผลิตหนังไก่กรอบ พร้อมต่อยอดสู่รสชาติใหม่ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของตลาดจนเป็นที่รู้จัก มียอดสั่งซื้อจากเซเว่น อีเลฟเว่นอยู่ที่ประมาณ 4,000-5,000 ลังต่อเดือน หรือกว่า 100,000 ซองต่อเดือน

ไมเคิล มองว่าตลาดสินค้าฮาลาลเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทยอยพัฒนาสินค้ามาซัพพอร์ตตลาด เริ่มจากสินค้าไก่หยอง วางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เมื่อปี 2561 หลังจากนั้นได้พัฒนาสินค้าฮาลาลสแน็คเพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็น ข้าวแต๋นและข้าวตังหน้าไก่หยอง หนังไก่กรอบ

สินค้าที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีคือ หนังไก่กรอบรสดั้งเดิมและรสบาร์บีคิวหมาล่า เหตุที่สินค้าได้รับการตอบรับที่ดีมาจากตัวหนังไก่มีความบาง กรอบ แม้จะเปิดถุงทิ้งไว้แต่หนังไก่ก็ยังมีความกรอบ ไม่มีกลิ่นหืน รสชาติที่ถูกปาก ประกอบกับในตลาดไม่มีหนังไก่กรอบรสดั้งเดิมจำหน่าย ส่วนใหญ่จะเป็นรสชาติที่ปรุงแต่งขึ้นมา และจำหน่ายในราคาที่เหมาะสมเพียงซองละ 25 บาท ส่งผลให้ปัจจุบันยอดขายจากตัวหนังไก่กรอบอยู่ที่ประมาณ 70%

นอกจากตัวสินค้าที่ได้คุณภาพ รสชาติที่ตอบโจทย์แล้ว การทำการตลาดก็มีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นยอดขาย โดยบริษัทเน้นทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ โดยเน้นกลุ่มคนวัยทำงานและผู้ที่ชื่นชอบการทานสแน็คในช่วงทำกิจกรรมหรือในเวลาว่าง จากความโดดเด่นดังกล่าวส่งผลให้สินค้าเป็นที่ถูกใจของตลาดเกาหลี ทำให้มียอดออร์เดอร์จากเกาหลีล็อตแรกในปีนี้จำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ 

นอกจากมีแบรนด์จินเฮงแล้ว บริษัทนี้ยังผลิตมะขาม จี๊ดจ๊าด ที่ถูกอกถูกใจสาวๆ หลายคน แล้วตอนนนี้เขายังออกผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า บ๊วยอบบ๊วย ออกมาจำหน่ายอีกด้วย

แบรนด์ “จี๊ดจ๊าด” ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ SME ที่สร้างชื่อจนเป็นรู้จักในฐานะผู้ผลิตมะขามเคี้ยวหนึบที่มีรสชาติอร่อยระดับท็อป 

ซึ่งจัดจำหน่ายโดยบริษัท 3เอ็ม ฟูด โปรดัก จำกัด วันนี้แบรนด์จี๊ดจ๊าดภายใต้การบริหารของ Gen 2 วัยเพียง 32 ปีอย่าง บะหมี่-ภาสกร เลาหะมณฑลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทฯ ได้แตกไลน์สินค้าใหม่ 

โดยใช้วัตถุดิบอื่นนอกจากมะขาม อย่าง “บ๊วย” มาเป็นวัตถุดิบในการผลิต เริ่มจากแบบซองขนาด 10 กรัม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค จึงพัฒนาสู่แบบกระปุกขนาด 40 กรัม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่อยากได้ปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น 

โดยเริ่มวางจำหน่ายเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดิม สามารถทำยอดขายได้เท่าสินค้ารุ่นพี่อย่าง มะขามอบบ๊วย แบบกระปุก

 บะหมี่ เล่าย้อนความให้ฟังว่า คุณพ่อและคุณลุงเริ่มต้นทำธุรกิจมะขามแปรรูปในแบบเม็ดอมเคี้ยวหนึบมาตั้งแต่ปี 2546 โดยสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักคือ มะขามอบบ๊วย ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีในตลาด ในตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบมะขามคลุก กระทั่งในปี 2549 บริษัทได้มีโอกาสเข้าจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และได้มีการเพิ่มสินค้าเข้าจำหน่ายอีก 2 รายการคือ มะขามอบบ๊วยรสเผ็ด มะขาม 4 รสพริกเกลือ ในรูปแบบซอง 5 บาท ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

กระทั่งในปี 2564 บริษัทประสบปัญหาวิกฤติโควิด 19 ส่งผลให้ยอดขายหายไป 40% ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้มะขามออกผลผลิตน้อยและไม่ได้คุณภาพ  บริษัทจึงมองหาวัตถุดิบอื่นเพื่อนำมาพัฒนาสินค้าใหม่ทดแทนยอดขายที่หายไป โดยวัตถุดิบที่นำมาใช้ผลิตสินค้าใหม่คือ บ๊วย สตรอเบอร์รี่ มะม่วง ส่งผลให้ตั้งแต่ปี 2564 บริษัทมีสินค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีกหลายตัว โดยสินค้าที่รับความนิยมคือ “บ๊วยอบบ๊วย”

 “บ๊วย ถือเป็นผลไม้ที่ผู้บริโภคนิยมรับประทาน ดูจากสินค้ากลุ่มสแน็คที่วางจำหน่ายในตลาดส่วนใหญ่จะทำจากบ๊วย ประกอบกับทางเซเว่นฯ เองก็ได้แนะนำตลาดเพิ่มเติม ทำให้มั่นใจได้ว่าบ๊วยจะเป็นวัตถุดิบที่ดีในการผลิตสินค้าตัวใหม่ บริษัทจึงนำบ๊วยมาแปรรูป โดยการใช้นวัตกรรมเดียวกับตัวมะขามในการแปรรูปสินค้าให้มีความเหนียวหนึบเหมือนเคี้ยวลูกอมพร้อมคลุกผงบ๊วยในกระปุกแบบสะใจ ถือเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาด ทำให้มียอดขายเทียบเท่าสินค้าตัวท็อปที่วางจำหน่ายในเซเว่นฯอย่าง  มะขามอบบ๊วย ขนาด 50 กรัม ส่งผลให้ยอดขายที่เคยหายไป 40% ในช่วงโควิด นอกจากจะกลับมาสู่ภาวะปกติแล้วยอดขายยังเพิ่มสูงขึ้นอีก 40% ด้วย”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา