ซีอีโอ Ford ไม่ยอมแพ้ หลังถูกรถไฟฟ้าจีนบุกตลาดหนัก จนต้องมาลองขับ Xiaomi
Jim Farley ซีอีโอฟอร์ดเคยบอก รถยนต์ไฟฟ้าจีนคือภัยคุกคามอุตสาหกรรมยานยนต์ ล่าสุด เขาได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่ ขับรถ Xiaomi SU7 นานถึง 6 เดือน ขับจากเซี่ยงไฮ้ จีน ไปชิคาโก สหรัฐอเมริกาก็ทำมาแล้ว!
รถยนต์ไฟฟ้าจีน แบรนด์ Xiaomi SU7 ก็เหมือนรถสปอร์ตแบรนด์หรูอย่าง Porsche รุ่น Panamera แต่มีราคาเริ่มต้นที่ 30,000 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1 ล้านบาทเศษๆ เท่านั้น ขณะที่ตัวท็อปอยู่ที่ราคา 42,100 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.4 ล้านบาทต้นๆ
หลังจากที่จีนมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าถล่มทลาย จนทำให้มีสัดส่วนครองตลาดเกือบ 70% ทำให้ Jim Farley ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Ford ถึงกับออกปากบอกว่า รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนคือภัยคุกคามอุตสาหกรรมยานยนต์
เอาเข้าจริง แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนก็ไม่ต่างจากสินค้าจีนประเภทอื่นๆ ที่มักบุกตลาดโลกด้วยสินค้าราคาต้นทุนถูก
จีนมีทั้งวัตถุดิบและแรงงานที่มีจำนวนมหาศาล และยังมีราคาที่ต่ำมากจนทำให้ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ในอุตสาหกรรมเดียวกันต้องสั่นสะเทือนจนต้องย้ายฐานการผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่ถูกเพิ่ม ขณะเดียวกันก็เพื่อหลีกเลี่ยงจากต้นทุนสงครามการค้าที่กำลังเดือดไปทั่วแล้ว บางรายสายป่านไม่ยาวพอก็ล่มสลายไปบ้าง
ปัจจุบัน จีนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าได้ดีมาก แถมต้นทุนต่ำ ทำให้แบรนด์หรูเริ่มหันมาปรายตามองความก้าวหน้าและโดดเด่นของจีน
ซีอีโอฟอร์ดยังพูดถึงยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจีนแบรนด์ Xiaomi ด้วย เขาบอกว่า Xiaomi สามารถทำยอดขายได้หลักหมื่นถึงสองหมื่นคันต่อเดือน แม้เขาจะไม่ได้พูดถึงรุ่น SU7 ตรงๆ แต่ก็เป็นรถรุ่นที่เขานำเข้า ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ผู้ผลิตรถยนต์จะต้องลองเทสต์ระบบเครื่องยนต์ของค่ายคู่แข่งอื่นๆ เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เผชิญอยู่มากขึ้น
สำหรับแบรนด์ Xiaomi นั้น เป็นที่รู้จักกันดีในนามของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน ลำโพง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อาทิ เครื่องฟอกอากาศ พัดลม เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ แต่ Xiaomi ในอีกชื่อหนึ่งก็ถูกขนานนามว่าเป็นเสมือนสินค้าแบรนด์ Apple สัญชาติจีน
Xiaomi เองก็ไม่ใช่แบรนด์แรกของจีนที่กระโดดจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มาแหวกว่ายสู่กระแสธารของอุตสาหกรรมยานยนต์เท่านั้น แต่ยังมี BYD ผู้มาก่อนกาล นั่นก็เป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ยักษ์ใหญ่ของจีนมาก่อน ปัจจุบันก็ตีตราให้โลกรู้ว่าเป็นรถยนต์ที่จะมาสานฝันของคนขับให้เป็นจริงด้วย
ที่มา – Fast Company, Gizmodo
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา