Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia จากการ์ดจอเกม สู่ A.I., Cryptocurrency เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก

ถ้าเป็นที่ Silicon Valley ในเวลานี้ น่าจะไม่มีร้อนแรงเท่ากับ Jensen Huang ผู้ก่อตั้งและซีอีโอวัย 54 ปีของ Nvidia หรือที่หลายคน โดยเฉพาะเกมเมอร์รู้จักกันดีว่าเป็น บริษัทผลิตการ์ดจอ หรือเรียกเป็นทางการหน่อยว่า หน่วยประมวลผลกราฟฟิค (GPU) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นส่วนจำเป็นสำหรับตลาด Cryptocurrency

จากวิสัยทัศน์ในการเริ่มต้นธุรกิจของ Jensen Huang ทำให้ปัจจุบัน Nvidia ครองส่วนแบ่งตลาด GPU ประมาณ 70% และมีสถานะทางการเงินที่ดีมาก โดยมีผลกำไรเติบโตมากกว่า 50% และราคาในตลาดหุ้นที่อมเริกา กระโดดจาก 30 ดอลลาร์ เป็น 200 ดอลลาร์ในเวลา 2 ปี

Jensen Huang ได้รับเลือกให้เป็น Businessperson of the Year for 2017 จาก Fortune.com และต่อไปนี้คือเรื่องราวของเขาที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

ภาพจาก Nvidia

Jensen Huang ซีอีโอระดับแถวหน้าแห่ง Silicon Valley

ถ้าเอ่ยชื่อ Nvidia หรือ GeForce สายเกมต้องรู้จักทุกคน เพราะนี่คืออุปกรณ์การ์ดจอที่จะขาดไม่ได้ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามสมจริงและสมูทที่สุด นอกจากนั้นก็ต้องเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มตัดต่อวิดีโอ ที่ใช้งานกราฟฟิคขั้นสูง

แต่หลายคนอาจจะไม่รู้จัก Jensen Huang ชาวไต้หวัน ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Nvidia ที่ทำหน้าที่นี้มาเป็นเวลา 24 ปี โดยเป็นวิศวกรไฟฟ้า และผู้บริหารที่ดูน่าเกรงขาม เป็นผู้นำที่กระตือรือร้น มีระเบียบ และทำงานตลอดแม้แต่ในวันหยุด (ของตัวเอง)

กับประโยคเด็ด “Nobody is the boss. The project is the boss.”

ถ้าพูดถึงซีอีโอของบริษัทจาก Silicon Valley หลายคนจะนึกถึง Steve Jobs, Bill Gates หรือถ้ายุคใหม่ก็ต้อง Jeff Bezos หรือ Elon Musk แต่รู้หรือไม่ว่า Jensen Huang ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน

ดังนั้น ถ้าคุณไม่รู้จักก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ Nvidia ไม่ได้เป็นแอพแชทชื่อดัง ไม่ได้เป็นโซเชียลมีเดียที่เล่นทุกวัน และไม่ได้เป็นร้านค้าออนไลน์ไว้ซื้อของ แต่ Nvidia คือความลึกลับของพลังในทุกสิ่งที่ว่ามา และความลึกลับนั้นคือ GPU

เริ่มจากการ์ดจอเกม ขยายสู่ทุกสิ่ง

GPU ที่ทำให้เกมมีภาพที่สุดยอดเหมือนจริง คือสิ่งที่ช่วยในการคำนวณ Cyptocurrency หรือ Bitcoin ที่รู้จักกัน ช่วยในการพัฒนาระบบ A.I. เป็นส่วนช่วยให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเองได้ และทำให้คอมพิวเตอร์สามารถ มองเห็น, ได้ยิน, เข้าใจและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

และนั่นทำให้ Nvidia มีผลประกอบการที่เติบโตมหาศาล มียอดขาย 9 พันล้านดอลลาร์ และมีผลกำไร 2.6 พันล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา ล่าสุดแม้แต่ Intel และ AMD ที่เป็นคู่แข่งผลิตชิพประมวลผล ยังต้องร่วมมือกันผลิตชิพเพื่อต่อกรกับ Nvidia

มองย้อนกลับไปปี

  • 1950 IBM พัฒนาคอมพิวเตอร์ Mainframe ที่ยังใช้ในองค์กรขนาดใหญ่โดยเฉพาะธนาคาร
  • 1960 Microsoft และ Intel เปลี่ยนแปลงโลกคอมพิวเตอร์ให้กลายเป็น Personal Computer
  • หลายปีถัดมา Apple และ Google ได้เปลี่ยนโลกอีกครั้งด้วยสมาร์ทโฟน

แต่ถัดจากนี้ไป Nvidia กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ด้วยการอยู่เบื้องหลังการพัฒนา A.I.

วันเริ่มต้น กับการหาคำตอบอนาคต

Nvidia ก่อตั้งขึ้นในปี 1993 ขณะนั้น Huang อายุ 29 อยู่กับเพื่อนอีก 2 คน คือ Chris Malachowsky และ Curtis Priem นั่งคุยถึง คลื่นลูกต่อไปของวงการคอมพิวเตอร์ คำตอบ คือ ต้องการพัฒนาสิ่งที่คอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่สามารถทำได้

เวลานั้น Huang มองเห็นว่า ตลาดวิดีโอเกม กำลังเติบโตขึ้น ทำยอดขายได้มหาศาล แต่ก็มาท้าทายความสามารถในการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น วิดีโอเกม นี่แหละ คือ กุญแจสำคัญของ

เมื่อตัดสินใจได้ บริษัทได้เริ่มต้นด้วยเงิน 40,000 ดอลลาร์ พร้อมกับชื่อเล่นว่า NV ย่อมาจาก Next Vision ผสมกับคำว่า invidia ในภาษาลาติน กลายเป็น Nvidia ในที่สุด

เริ่มต้นด้วยบริษัทเล็กๆ กินข้าวกลางวันกันรอบโต๊ะปิงปอง ใช้ห้องน้ำร่วมกับบริษัทอื่น ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกคือ มัลติมีเดียการ์ด ชื่อว่า NV1 เกิดขึ้นในปี 1995 พร้อมกับการเริ่มต้นของเกม 3D และไม่ได้มียอดขายที่ดีเท่าไร ทำให้บริษัทรู้ว่า ต้องผลิตสินค้าที่ดียิ่งกว่านี้ ที่ทำให้เจ้าของคอมพิวเตอร์อยากซื้อ

10 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ IPO

Nvidia เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในปี 1999 ในปีนี้มีการเปิดตัว GeForce 256 ที่ถือเป็น GPU ตัวแรกของโลก และในปี 2006 มีการเปิดตัว CUDA สถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ ที่นำเอา GPU จากโลกของเกม นำไปใช้ใช้คอมพิวเตอร์ในทุกประเภท

Nvidia เคยพัฒนาชิพ ชื่อว่า Tegra สำหรับใช้ในสมาร์ทโฟน แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก และในปี 2014 ก็ปรับปรุงชิพนี้เพื่อใช้ในรถยนต์ และได้พัฒนาต่อยอดจนทำให้ Nvidia เข้าสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ด้านความมั่นคง, พลังงาน, การเงิน, สุขภาพ, โรงงานอุตสาหกรรม และความปลอดภัย

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นสัก 10 ปี ไม่มีใครรู้ว่า Nvidia ทำอะไร และจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้อย่างไร

ซึ่งกุญแจสู่ความสำเร็จนี้ คือ Huang ในฐานะผู้นำที่มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีด้านกราฟฟิค และยังมีวิสัยทัศน์ในการมองเห็นอนาคต 10 ปีข้างหน้า เขาบอกว่า ไม่รู้ว่า รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง หรือ A.I. จะมาเมื่อไร แต่ Nvidia เชื่อมั่นในความเหนือกว่าของกราฟฟิค ดังนั้นจึงมุ่งลงทุนและสร้างความพร้อมสำหรับสิ่งนี้มาตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

A.I. ที่พัฒนา A.I. ขึ้นใหม่

คำถามสำคัญคือ อะไรคือ เทคโนโลยีถัดจากนี้ อะไรคือเทคโนโลยีที่จะสร้างรายได้นับพันล้านดอลลาร์ให้กับ Nvidia และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Intel, Qualcomm หรือแม้แต่ Google, Facebook และ Baidu

Huang บอกว่า ความสามารถของ A.I. ที่จะสร้างสรรค์และพัฒนา A.I. ตัวใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะทำได้ คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ต่อไปหลายบริษัทจะมี A.I. ที่เก็บข้อมูลสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น กระบวนการธุรกิจที่เกิดขึ้นซ้ำ ตั้งแต่การขาย งานวิศวกรรม ซัพพลายเชน โลจิสติกส์ การเงิน การให้บริการลูกค้า ซึ่งรูปแบบทั้งหมดเกิดขึ้นตลอดเวลา A.I. จะเรียนรู้และพัฒนาความสามารถในการดำเนินการทั้งหมดด้วยตัวมันเอง

“ในหัวของผมกำลังผสมผสานสิ่งมหัศจรรย์จากหนังหลายเรื่อง เช่น Office Space, The Matrix และ Inception เข้าด้วยกัน”

Huang บอกว่า Generative adversarial networks หรือ GAN เป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ A.I. พัฒนาตัวเองได้ (หมายเหตุ GAN คือ ระบบ A.I. 2 ตัวที่ช่วยกันทำงานโดย แนะนำและแก้ไขข้อผิดพลาดให้กันและกัน เท่ากับเป็นการเรียนรู้โดยไม่ต้องพึ่งพามนุษย์ และนำไปสู่ A.I. ที่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องมีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง)

ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า จะมีระบบ GAN เกิดขึ้นอีกมาก และในอีก 20-30 ปีข้างหน้า สุดยอด A.I. จะสามารถพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มนุษย์ไม่สามารถพัฒนา เพื่อแก้ปัญหาที่ปัจจุบันไม่สามารถแก้ไขได้

source: Fortune.com [1] [2]

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา