เจาะเบื้องลึก “เยลลี่พร้อมดื่ม” ยุคนี้อิ่มท้องไม่พอ ต้องขายบิวตี้+เฮลตี้

ความน่าสนใจตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม นับตั้งแต่ 2560 มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น ตลาดกลับมีมูลค่าถึง 2,718 ล้านบาท และตัวเลขแค่เพียง 4 เดือนของปี 2563 มูลค่าพุ่งแตะ 2,993 ล้านบาท ดังนั้นในสิ้นปีนี้ตลาดอาจถึงระดับ 3,500 ล้านบาทเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่ยากมากนัก

อิ่มท้องต่อยอดสู่บิวตี้+เฮลตี้

จุดเริ่มต้นของตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม เกิดจากจุดขายของตัวโปรดักส์ ที่อิ่มท้องกินระหว่างมื้อแทนอาหารได้ และแถมยังมีแคลอรี่ต่ำเริ่มต้นที่ 35 – 60 แคลอรี่เท่านั้น จากการมีส่วนผสมคาราจีแนน และคอนยัคคุ หรือ ผงบุก ซึ่งด้วยจุดขายที่เป็นฟังก์ชันนัลด้านการดูแลรูปร่าง จึงกลายเป็นสินค้าที่นิยมสำหรับสาวๆ และด้วยราคาเริ่มต้นที่เพียง 10 บาทเท่านั้นทำให้สินค้าเข้าถึงกลุ่มคนได้ง่าย

ขณะเดียวกันแพกเกจที่พกพาได้ง่าย ดื่มได้ทุกที่และทุกเวลา สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ยิ่งทำให้ตลาดเติบโตอย่างรวดเร็ว ในช่วงแรกเริ่มของ เยลลี่พร้อมดื่ม จะมีเพียงรสชาติที่มาจากน้ำผลไม้เท่านั้น โดยมีไฮไลท์ น้ำส้ม น้ำองุ่น แต่ต่อมาการสร้างตลาดของเจเล่ ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำตลาดนั้น ออกโปรดักส์ต่างๆ มากมาย สู่จุดขายด้านบิวตี้ (Beauty) โดยมีส่วนผสมของทั้งวิตามิน C 200% และคอลลาเจน เพื่อต่อยอดโปรดักส์จากการดูแลรูปร่างมาสู่จุดขายในด้านความงามอย่างเต็มตัว

แต่ด้วยตัวโปรดักส์ของเจเล่ ที่วางตลาดเป็นแมสโปรดักส์ จึงทำให้แบรนด์ท้าชิงเล็งเห็นถึงช่องว่างการตลาด สร้างเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม ปัจจุบันนี้สมรภูมิเยลลี่แบ่งแยกเป็น 2 เซ็กเมนต์อย่างชัดเจน ในเซ็กเมนต์เพื่อความงาม และเซ็กเมนต์เพื่อสุขภาพ และโปรดักส์ในตลาดแมส โดยจำหน่ายในราคา 10 บาท กับเซ็กเมนต์พรีเมี่ยม จำหน่ายในราคาเริ่มต้น 18 บาทขึ้นไป

เจเล่ อุดช่องว่างรุกเซ็กเมนต์สุขภาพ

การขับเคลื่อน เจเล่ ในฐานะผู้นำตลาด เริ่มออกมาอุดช่องว่างของตัวเอง ด้วยการเดินหน้าสร้างเซ็กเมนต์เพื่อสุขภาพ โดยเปิดตัวสินค้าใหม่ วิตามิน B+A แน่นอนว่าโปรดักส์ตัวนี้เป็นการประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าเจเล่จะก้าวเข้าสู่ตลาดเยลลี่พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพที่หลายๆแบรนด์กำลังเปิดตลาดอยู่ในขณะนี้

สำหรับจุดขายเซ็กเมนต์เยลลี่พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพ เจเล่ ชูจุดขายมีส่วนผสมของวิตามินถึง 9 ชนิด และราคาจำหน่าย 10 บาท  ทำไมเจเล่ ต้องวาง Price Point เท่านี้ เพราะตลาดในเยลลี่พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพ มีคู่แข่งอยู่ในตลาดจำนวนมาก การวางราคา 10 บาททำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายและเข้าถึงได้ง่ายกว่า

ซึ่งการวางโปรดักส์ดังกล่าวทำให้เจเล่มีสินค้าครบครันทั้งเซ็กเมนต์เพื่อความงามและเพื่อสุขภาพไม่เพียงเท่านั้นเจเล่ยังเริ่มขยายไลน์โปรดักส์โดยเปิดเกมสู่ตลาดพรีเมี่ยมโดยใช้โปรดักส์เรือธงความเป็นบิวตี้เปิดตัวด้วยตัวคอลลาเจนเรียกว่าเป็นการเปิดเกมอุดช่องว่างทุกทางที่แบรนด์คู่แข่งจะเข้ามาชิงตลาด

เซ็ปเป้ ลุยทั้งสุขภาพและความงาม

ความหอมหวนของตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม ทำให้เซ็ปเป้ เปิดเกมบุกเซ็กเมนต์เยลลี่พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพนั้น  ซึ่งถือเป็นเกมที่เซ็ปเป้มีความถนัดกับการปลุกปั้นโปรดักส์ฟังก์ชันนัลดริงก์จนในอดีตที่ผ่านกลายเป็นตลาดที่เฟื่องฟูมากและเซ็ปเป้บิวติดริ้งค์ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์แต่ตลาดกลับวายเสียก่อนเพราะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านการดื่มแล้วได้ผลลัพธ์ตามที่โปรดักส์ได้เคลมไว้นั่นเอง

สำหรับเซ็ปเป้ ในสมรภูมิเยลลี่พร้อมดื่ม ได้ส่ง คาโมมายล์ เซ็ปเป้ บิวตี้ เจลลี่ ที่ชูจุดขายด้านอ่อนล้า ต้องการความผ่อนคลาย และเซ็ปเป้ บิวติ เจลลี่ สูตรคลอโรฟิลล์ ที่ชูจุดขายการล้างสารพิษ ปรับสมดุลร่างกาย ขณะเดียวกัน เซ็ปเป้ ยังส่งแบรนด์น้องมาตามประกบกุมิกุมิเยลลี่ผลไม้ ผสมน้ำผลไม้ลิ้นจี่และองุ่นที่มีส่วนผสมของวิตามินต่างๆ โดยวาง Price Point  12 บาทเท่านั้น

ล่าสุดน้องใหม่อย่างเพรียวพุดดิ้ง ภายใต้บริษัท เซ็ปเป้ ก็เลือกที่จะสร้างความต่างเจาะกลุ่มทำงาน ด้วยการเปิดตัว ชานมไข่มุก รสชานมไต้หวัน และรสมัคคิอาโต้ โดย 40 แคลอรี่เท่านั้น โดยเลือกเข้าไปกินตลาดชานมไข่มุก และมัคคิอาโต้ เรียกว่าเอาใจคอชาและคอกาแฟ โดยการดึงเอาฐานลูกค้าจากตลาดดังกล่าวที่ต้องการดูแลรูปร่างหันมาดื่ม

แข่งเดือดเคลมส่วนผสมวิตามินสูง

สภาพการแข่งขันตลาดเยลลี่พร้อมดื่มในขณะนี้ ต้องบอกว่าแค่ละค่ายเคลมการมีส่วนผสมของวิตามิน ซี บี ชนิดที่วัดกันแบรนด์ไหนมีส่วนผสมยิ่งมากยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงการมี BENEFIT มากกว่ารวมทั้งลูกเล่นการเติมสารที่มีคุณค่าทางโภชนาการนั้นที่เรียกว่าลงลึกถึงความต้องการเฉพาะด้านเข้าไปอีก

เซ็กเมนต์เยลลี่พร้อมดื่มสุขภาพแจ้งเกิดอย่างแน่นอน ไม่ต่างกับวิตามิน วอเตอร์ เพราะเป็นโปรดักส์ตอบโจทย์ของบริโภคในยุค New Normal ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลและป้องกันตัวเองให้มีภูมิต้านทานแข็งแรงมากกว่าจะไปรักษาเมื่อป่วยทีหลังและสิ่งสำคัญคืออิ่มท้องแคลอรี่ต่ำแล้วยิ่งกินยิ่งสุขภาพดี

ดื่มตัวไหนก็ได้ !! ไม่ต่างไม่เกิด จุดนี้ทำให้แบรนด์ต่างๆ ที่เข้ามาทำตลาด ต้องสร้างจุดขายที่แตกต่าง อย่าง Vitaday ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้นำตลาดวิตามิน วอเตอร์ ไปแล้วนั้นมูลค่า 3,000 ล้านบาท ด้วยการครองส่วนแบ่ง 25% ในตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม Vitaday  เปิดฉากสื่อสารถึงการเป็นวิตามินเยลลี่ GLUTA และ COLLAGEN นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับจุดขาย แคลอรี่ 0% และน้ำตาลก็ 0% หรือกระทั่ง วีว่า พลัส เยลลี่ที่สื่อสารถึงความอัดแน่นของการมีวิตามิน 8 ชนิดดูดเล่นๆได้ภูมิคุ้มกันเฉยเติมวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายเป็นต้น

สรุป : ตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม

  • การสร้างโปรดักส์ของเยลลี่ของผู้ประกอบการ ส่งผลให้ Perception ของผู้บริโภคที่มีต่อโปรดักส์เปลี่ยนไป จากการกินเพื่อดูแลรูปร่างแล้ว แถมยังพ่วงด้านความงามและสุขภาพไปด้วย 
  • ตลาดเยลลี่พร้อมดื่ม พฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่กินเพื่อต้องการดูแลรูปร่าง ควบคุมน้ำหนัก เป็นหลัก แต่ Benefit ด้าน Beauty & Healthy ถือว่าเป็นเรื่องรอง
  • ฐานลูกค้าเริ่มขยายจากเดิมเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการดูแลรูปร่างและความงามมาสู่การขยายฐานลูกค้ากลุ่มวัยทำงานที่ต้องการดูแลรูปร่างความงามและพ่วงด้วยสุขภาพ
  • แพกเกจสอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ ถือกินได้ทุกที่และทุกเวลา ด้วยซองเพาช์ หรือบรรจุภัณฑ์อาหารชนิดอ่อนตัว หรือยืดหยุ่นได้
  • พฤติกรรมของคนเปลี่ยนสู่วิถีชีวิตใหม่ New Normal มีความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อป้องกันมากกว่าจะรอให้ตัวเองป่วยและรักษา จึงยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าเพื่อสุขภาพ
  • การแข่งขันตลาดของผู้ประกอบการ แข่งกันชูจุดขายการเคลมวิตามินและการเติมแต่งสารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ แคลอรี่ที่ต่ำ และรสชาติต้องโดนใจมากพอ สุดท้ายอยู่ที่คอนเซ็ปต์ของสินค้าที่ดูดดึงใจผู้บริโภคได้ดีกว่ากัน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

mm
Senior Writer Brandinside asia