เกมการแข่งขัน E-Commerce ในประเทศจีนยังดุเดือดต่อเนื่อง และตอนนี้จะแข่งแค่บนโลก Online คงไม่ได้อีกต่อไป เหตุนี้เอง JD.com เบอร์สองของตลาด ตัดสินใจเปิดร้าน Supermarket ในชื่อ 7Fresh เพื่อต่อยอดธุรกิจ
สร้าง Omni-Channel คือเป้าหมายสำคัญ
ถือว่าไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ JD.com ตัดสินใจลงทุนเป็นร้าน Supermarket สุดล้ำในชื่อ 7Fresh ที่เมืองอี้จวงของกรุงปักกิ่ง เพราะก่อนหน้านี้ Alibaba ก็เปิด Supermarket ชื่อ Hema กว่า 30 สาขาในกรุงปักกิ่งมาก่อนแล้ว เพื่อเดินเกม Omni-Channel ผ่านการเชื่อมต่อหน้าร้าน Offline เข้ากับฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งบน Online
สำหรับร้าน 7Fresh ของ JD.com จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งหน้าจอแสดงข้อมูลสินค้าที่ผู้ซื้อหยิบมา, รถเข็นที่จะติดตามผู้ซื้อไปตามชั้นวางสินค้าแบบอัตโนมัติ, สามารถชำระเงินผ่าน Mobile Application และมีร้านอาหาร กับส่วนนำเข้าสินค้าสดจากต่างประเทศ เพื่อให้ชนชั้นกลางในประเทศจีนได้ลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ๆ
Wang Xiaosong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร 7Fresh เล่าให้ฟังว่า ทางกลุ่ม JD.com ต้องการสร้างความแตกต่างในธุรกิจค้าปลีก ผ่านการนำสินค้าระดับพรีเมียมเข้ามาจำหน่าย ประกอบกับที่บริษัทเป็นพาร์ทเนอร์กับ Wal-Mart ทำให้การต่อยอดการทำตลาด Offline ทำได้หลากหลาย และเตรียมเชื่อมต่อคลังสินค้าระหว่างกันอีกด้วย
บริษัทอินเทอร์เน็ตเข้าร่วมสงครามนี้ทุกราย
และระหว่างที่ร้าน 7Fresh เปิดให้บริการ 2 วันแรก ก็เรียกว่ามีผลตอบรับค่อนข้างดี เพราะมียอด Transection กว่า 10,000 รายการ นอกจากนี้ทาง JD.com ก็เพิ่งเปิดร้านสะดวกซื้อแบบ Fully Automated หรือไม่มีมนุษย์ให้บริการที่มณฑลชานตงเมื่อสัปดาห์ก่อนอีกด้วย แสดงให้เห็นถึงความจริงจังในธุรกิจค้าปลีกเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ Alibaba และ JD.com ที่เข้ามาลุยตลาดค้าปลีก เพราะบริษัทอินเทอร์เน็ตอื่นๆ เช่น Tencent Holding ก็เข้ามาบุกตลาดนี้เช่นเดียวกัน เพราะต่างมองเห็นโอกาสในธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิม ที่หากนำเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ ก็สามารถยกระดับการทำตลาดได้ เช่นการรู้ความต้องการลูกค้า และบริหารร้านได้ดีขึ้น
ส่วนในประเทศไทย ค้าปลีกดั้งเดิมหลายรายก็เริ่มเห็นโอกาสในเรื่อง Omni-Channel มากขึ้น ที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นกลุ่ม Central ที่ดึง JD.com เข้ามาช่วยทำตลาด E-Commerce ในประเทศไทย และมีการลงทุนเปิดเว็บไซต์ค้าออนไลน์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ต่างกับกลุ่ม The Mall ที่เริ่มแตะเรื่องนี้แค่บางส่วนของธุรกิจ
สรุป
เชื่อว่าค้าออนไลน์รายอื่นจะเข้ามารุกธุรกิจค้าปลีกมากขึ้น เพราะผู้เล่น E-Commerce ต่างก็มีเครื่องมือในการวิเคราะห์ลูกค้าอยู่แล้ว และการนำมาเชื่อมต่อกับค้าปลีก ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารร้านค้าปลีกได้แน่นอน ดังนั้นในอนาคต อาจเห็น Lazada หรือผู้เล่นรายอื่นๆ มาเปิดร้านแข่งกับค้าปลีกดั้งเดิมก็เป็นได้
อ้างอิง // Bloomberg
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา