‘เจดี แวนซ์’ ไม่กังวลว่า AI จะแย่งงานมนุษย์ ชี้สหรัฐฯ ควรใช้เทคโนโลยีมากกว่านี้ ไม่ใช่น้อยลง

“ถ้าหุ่นยนต์ และ AI จะมาแย่งงานมนุษย์จริงๆ ป่านนี้มันคงเกิดขึ้นไปแล้ว”

นี่คือคำพูดของ ‘เจดี แวนซ์’ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ออกตัวไม่เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า AI จะทำให้คนตกงานเป็นวงกว้างในเร็วๆ นี้ จากการให้สัมภาษณ์ที่เวทีสัมมนา 2 งานใหญ่ ‘Winning the AI Race Summit’ ที่วอชิงตัน ดี.ซี. และ ‘AI Action Summit’ ที่ปารีส

‘แวนซ์’ มองว่าคนควรหยุดตื่นตระหนกกับ AI และหันมาโฟกัสว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และเปิดโอกาสใหม่ๆ ในตลาดแรงงานได้อย่างไร

“ผลิตภาพแรงงาน (labor productivity) ควรจะพุ่ง แต่ความจริงคือมันทรงตัวมาหลายปี แปลว่าเรายังใช้เทคโนโลยีน้อยเกินไป ไม่ใช่มากเกินไป”

คำพูดของ ‘แวนซ์’ เป็นการตอบคำถามจาก ‘เจสัน คาลาคานิส’ นักลงทุน และผู้จัดรายการพอดแคสต์ชื่อดัง ที่แสดงความกังวลว่า AI กำลังมาแทนแรงงานมนุษย์

‘คาลาคานิส’ ยกตัวอย่างว่า รถไร้คนขับหนึ่งคัน จะทำให้คนขับสี่รายต้องตกงาน หรือหุ่นยนต์ในโรงงานก็อาจแทนที่คนได้ห้าถึงหกตำแหน่ง

แต่ ‘แวนซ์’ ดูจะไม่ตื่นตระหนกตาม และมองว่าเรื่องนี้ยังถูกพูดเกินจริงไปมาก

AI จะทำให้เป็นอิสระมากขึ้น ไม่ใช่ตกงานมากขึ้น

‘แวนซ์’ ไม่ได้ออกมาต้านความคิดที่ว่า AI จะแย่งงานมนุษย์เท่านั้น แต่เขายังวิจารณ์เหล่าผู้นำในแวดวงเทคโนโลยีบางคนที่ชอบย้ำความคิดนี้ซ้ำๆ

“หลายคนพูดถึง AI แบบผิดจุด เราเชื่อว่า AI จะทำให้เรามีประสิทธิภาพ ความมั่งคั่ง และอิสระมากขึ้น”

เขามองว่าแทนที่จะทำลายงาน AI จะทำให้หน้าที่งานเปลี่ยนไป เป็นการ ‘เปลี่ยนผ่าน’ ไม่ใช่การ ‘หายไป’ พร้อมสร้างความต้องการทักษะใหม่ๆ และงานรูปแบบใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อน

เช่นเดียวกับ ‘คริส พาวเวอร์’ ซีอีโอของ Hadrian สตาร์ทอัปด้านระบบอัตโนมัติโรงงาน เล่าว่าโรงงานแห่งใหม่ของบริษัทในรัฐแอริโซนา ซึ่งมีกำหนดเปิดปลายปี 2025 อาจสร้างงานได้กว่า 350 ตำแหน่ง แม้จะใช้ AI และระบบอัตโนมัติเป็นหัวใจหลักก็ตาม

‘แวนซ์’ ยกตัวอย่างนี้เพื่อเน้นว่า สหรัฐฯ ควรหยุดกลัวว่าเทคโนโลยีจะแย่งงาน แล้วหันมาสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พร้อมเปิดทางให้งานที่ดีกว่าเกิดขึ้น

บริษัทเทคสหรัฐฯ พึ่งแรงงานต่างชาติมากไป

นอกจากนี้ ‘แวนซ์’ ยังโจมตีบริษัทเทคในสหรัฐฯ ว่าพึ่งแรงงานต่างชาติมากเกินไป ผ่านโปรแกรมวีซ่าต่างๆ โดยเฉพาะในสายงานเทคโนโลยีและวิศวกรรม แม้ในขณะที่บัณฑิตจบใหม่ด้าน STEM ของสหรัฐฯ กลับหางานไม่ได้

“พวกเขาบอกว่าหาคนทำงานไม่ได้ เลยต้องจ้างแรงงานจากต่างประเทศ แต่ขณะเดียวกัน เด็กจบใหม่ในอเมริกากลับไม่มีงานทำในสายนี้ แล้วแบบนี้จะเรียกว่าขาดคนได้ยังไง?”

จุดยืนนี้สะท้อนแนวทางของรัฐบาลทรัมป์ที่เน้นยุทธศาสตร์ AI เพื่อแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างแรงงานภายในประเทศ

ประเด็น AI กับการจ้างงานกำลังถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังจากที่ DeepSeek ปล่อยโมเดล R1 ออกมาแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อต้นปี ทำให้ฝั่งอเมริกาเริ่มหวั่นไหวกับความได้เปรียบด้าน AI ของจีน

แต่ ‘แวนซ์’ ก็ยังยืนกรานว่า ความตื่นตระหนกในตอนนี้ยังเร็วเกินไป และอาจเบี่ยงเบนจากเป้าหมายที่แท้จริงของสหรัฐฯ

“เราควรหยุดตอบสนองต่อ AI ด้วยความกลัว แล้วเริ่มวางแผนรับมืออย่างมีเป้าหมายแทน”

ที่มา: Business Insider, Times of India

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา