อดีตค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่าง J.C. Penney ประกาศแผนปลดพนักงาน 1,000 คน และปิดสาขา 152 แห่ง เพื่อเดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจหลังยื่นล้มละลายเมื่อเดือนพ.ค. 2563
รีดไขมันเพื่อไปต่อในโลกธุรกิจ
หลังจากยื่นล้มลายเมื่อเดือนพ.ค. 2563 ทาง J.C. Penney มีการหารือเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูกิจการ และเมื่อผ่านมา 2 เดือน แผนดังกล่าวก็เดินหน้า เริ่มต้นที่การเตรียมปลดพนักงาน 1,000 คน ครอบคลุมตั้งแต่ฝ่ายบริหารจนถึงฝ่ายปฏิบัติการตามสาขาทั้งในสหรัฐอเมริกา และต่างประเทศ โดยพนักงานกลุ่มนี้จะได้สิทธิประโยชน์ชดเชยการเลิกจ้าง
ขณะเดียวกัน J.C. Penney ยังเตรียมปิดสาขา 152 แห่ง โดยบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าของที่ที่ให้เช่าทำห้างสรรพสินค้า เพื่อให้การเลิกกิจการทำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ทั้งนี้ก่อนการยื่นล้มละลาย J.C. Penney มีสาขากว่า 850 แห่งในสหรัฐอเมริกา และเปอร์โตริโก้ ส่วนพนักงานมีมากถึง 90,000 คน
ทั้งนี้ J.C. Penney ก่อตั้งมามากกว่า 100 ปี และผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมากมาย แต่ก็รอดพ้นมาได้ด้วยกลยุทธ์การรวบรวมสินค้าที่มีราคาเข้าถึงได้จนเป็นห้างขวัญใจของชาวอเมริกัน โดยเฉพาะในทศวรรษที่ 90s ห้างนี้สามารถครองตลาดได้เบ็ดเสร็จ และยังเป็นห้างแรกๆ ที่เริ่มต้นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
อย่างไรก็ตามความไม่เชี่ยวชาญการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในตลาดนี้สามารถช่วงชิงตลาดไปทั้งหมด ยิ่งประกอบกับ COVID-19 ก็ทำให้ J.C. Penney มียอดขายลดลงอย่างหนัก และไม่สามารถจ่ายหนี้กว่า 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ ทั้งยอดขายในปีงบประมาณล่าสุดยังน้อยกว่า 40% เมื่อเทียบกับปี 2550
สรุป
กลายเป็นว่าค้าปลีกดั้งเดิมเริ่มจะไม่สามารถยืนอยู่ในโลกปัจจุบันได้อีกแล้ว เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แถมค้าปลีก โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าที่ต้องจ่ายค่าเช่า และค่าบริหารพื้นที่ ทำให้ธุรกิจนี้มีค่าใช้จ่ายมหาศาล และหากไม่ปรับตัว การจะเติบโตผ่านการเป็นแค่ธุรกิจค้าปลีกก็คงจะทำไม่ได้แล้ว
อ้างอิง // Reuters
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา