เปิดอาณาจักร Jaymart จากร้านมือถือเล็ก ๆ สู่กลุ่มบริษัทมูลค่าแสนล้าน พร้อมเงินทุนก้อนใหม่

หลักหมุดสำคัญเกิดขึ้นอีกครั้งหลัง Jaymart ได้เงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาทโดย VGI และ U สองบริษัทในเครือ BTS Holdings ลองมาดูกันว่าเงินก้อนนี้เสริมแกร่งกลยุทธ์ Synergy และอาณาจักรของ Jaymart อย่างไร

jaymart

จากร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า สู่ Holding Company

Jaymart เริ่มต้นจากธุรกิจแรกคือขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนเมื่อปี 1988 ด้วยเงินลงทุน 2 ล้านบาทจากผู้ก่อตั้ง แต่มาบูมเอาจริง ๆ ในปี 1992 ที่บริษัทธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ก่อนปี 1994 ยังก่อตั้งบริษัท JMT Network Services เพื่อบริหารจัดการหนี้สิน และปี 2000 เปิดตัว JAS Asset รุกตลาดบริหารพื้นที่ และอสังหาริมทรัพย์

3 ธุรกิจหลักของ Jaymart ในขณะนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนบริษัทสามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในปี 2009 เสริมแกร่งการลงทุนของ Jaymart โดยเฉพาะซื้อ Singer คู่แข่งรายใหญ่สมัยทำร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนในปี 2015 และธุรกิจอื่น ๆ พร้อมกับการเริ่มปรับโครงสร้างสู่ Holding Company ในปี 2016

jaymart

ปัจจุบัน Jaymart แบ่งธุรกิจออกเป็น 3 ส่วนคือ

  • Retail: Jaymart Mobile, JAS Asset และ Beans and Brown (ร้านกาแฟ Casa Lapin)
  • Finance: JMT Network, JP Insurance, KB J Capital (สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล) และ Singer
  • Technology: J Ventures ก่อตั้งปี 2017 เพื่อลงทุนดิจิทัล และช่วยบริษัทฝ่าวิกฤต Digital Disruption

สิ้นปี 2020 มีกำไรสุทธิ 798 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% จากปี 2019 มากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ และเกิดขึ้นในปีที่โรค COVID-19 ระบาด รวมถึงครึ่งแรกของปี 2021 ยังมีกำไรสุทธิเติบโต 113%

เติบโตไม่หยุดด้วยกลยุทธ์ Synergy ครบวงจร

จากการมีหลายธุรกิจ ครบถ้วนทั้งค้าปลีก, การเงิน และเทคโนโลยี ทำให้ Jaymart เดินหน้ากลยุทธ์ Synergy หรือการนำธุรกิจต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น เช่น ซื้อโทรศัพท์มือถือที่ Jaymart แต่ไม่มีบัตรเครดิต ตัวบริษัทมีสินเชื่อส่วนบุคคลพร้อมให้บริการ เป็นต้น

เมื่อเชื่อมต่อกันขนาดนี้จึงอยากยกตัวอย่างองค์กรต่างประเทศอย่าง Aeon ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศญี่ปุ่นด้วยกลยุทธ์คล้าย ๆ กัน และเรียกว่า Jaymart เป็น Aeon เมืองไทยได้ไม่ยาก แต่แค่ธุรกิจที่ Jaymart มีอยู่มันอาจไม่เพียงพอที่จะต่อจิ๊กซอว์เพื่อเติบโตในอนาคต

jaymart

ทำให้บริษัทลงทุนขยายทั้งธุรกิจขนส่ง เพื่อขยายโอกาสการทำตลาดได้เข้าถึงผู้บริโภคมากกว่าเดิม และอาศัยการ Synergy กับธุรกิจอื่น ๆ ของบริษัทเช่นกัน และเพื่อติดเครื่อง Synergy เข้าไปอีก ดีลระหว่าง Jaymart กับ VGI และ U City สองบริษัทในเครือ BTS Holdings จึงเกิดขึ้น

เติบโตจนดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนครั้งใหญ่

หากรวมทุกธุรกิจของ Jaymart ถึงสิ้นปี 2020 จะคิดเป็นมูลค่ากว่า 65,661 ล้านบาท และในปี 2021 ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1.3 แสนล้านบาท ถือว่าเติบโตมาไกลจากปี 1988 ที่ใช้เงินทุนเพียง 2 ล้านบาทในการเริ่มต้นธุรกิจ แต่นั่นเป็นเพียงเส้นทางที่ Jaymart รุกเองทำเอง เพราะหลังจากนี้ Jaymart ได้พาร์ทเนอร์รายใหญ่เข้ามาร่วมมือ

พาร์ทเนอร์รายนั้นคือ BTS Holding หรือกลุ่มธุรกิจ BTS ที่หลายคนอาจมองว่ามีแค่รถไฟฟ้า แต่จริง ๆ ทางกลุ่มมีส่วนร่วมในการบริหาร BRT, สนามบินอู่ตะเภา และมอเตอร์เวย์สายนครราชสีมา รวมถึงธุรกิจ MIX ที่ต่อยอดจากระบบคมนาคม เช่น Kerry Express, VGI และ PlanB กับธุรกิจ Match ที่เน้นโรงแรม และอสังหาริมทรัพย์

สำหรับการร่วมมือระหว่าง BTS Holding กับ Jaymart จะเกิดขึ้นผ่านบริษัท VGI และ U City (ผู้บริหารโรงแรม U เช่น U Pattaya) เข้ามาร่วมลงทุนมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทในกลุ่ม Jaymart เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเติบโตได้แม้มีวิกฤต COVID-19 ระบาดอยู่

Synergy ที่ไม่รู้จบระหว่างสอง Holding Company

แม้จะยังไม่มีแผนชัดเจน แต่หากจินตนาการการร่วมมือระหว่าง BTS Holding กับกลุ่ม Jaymart โดยเริ่มที่ธุรกิจ Retail จะพบว่า Jaymart สามารถเชื่อมต่อกับ Kerry Express เพื่อกระจายสินค้า, ต่อยอดการชำระเงินด้วย Rabbit ที่ร้านค้าใน JAS Asset รวมถึงการต่อยอดแบรนด์ร้านกาแฟให้เติบโตในตลาดโรงแรม

ส่วนฝั่ง Finance ทาง Jaymart กับ BTS Holding อาจต่อยอดการปล่อยสินเชื่อในการทำตลาดผ่านป้ายโฆษณาต่าง ๆ ให้กับร้านค้า หรือการทำตลาดร่วมกับกลุ่มธุรกิจโรงแรมเพื่อใช้เป็นโปรโมชันในการดึงดูดการชำระหนี้ และการซื้อสินค้าทั้งฝั่งธุรกิจมือถือ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนกับ Singer

ด้านกลุ่ม Technology ทั้งสองบริษัทอาจนำฐานข้อมูลลูกค้ามาวิเคราะห์เพื่อต่อยอดการทำตลาดในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เพิ่มโอกาสในการปล่อยสินเชื่อรายย่อย และขายประกัน, การคำนวนพื้นที่โฆษณาในแต่ละจุด หรือการพัฒนานวัตกรรมใหม่เกี่ยวกับบริการทางการเงินเพื่อใช้งานระหว่างกัน

สรุป

ถือเป็นความร่วมมือที่น่าสนใจ เพราะการจับมือระหว่าง BTS Holding และ Jaymart แสดงให้เห็นถึงธุรกิจที่ปรับตัวได้ในวิกฤตต่าง ๆ ย่อมดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่เพื่อสร้างโอกาสร่วมกันในอนาคต และ Jaymart เองก็พิสูจน์แล้วว่า จากร้านค้าเล็ก ๆ เมื่อ 30 ก่อน ก็กลายเป็นอาณาจักรแสนล้านในอนาคตได้

อ้างอิง // Jaymart 1, 2, 3

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา